วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

ทานสมุนไพรตอนไหนดี


ทุกครั้งเมื่อมีสมาชิกใหม่ วิทยากรก็จะบรรยาย วิธีการทานสมุนไพรให้แก่สมาชิกใหม่ฟัง

ประเด็นปัญหาที่สมาชิกใหม่ บางท่านอาจจะไม่สะดวก ในการทาน ณ เวลาที่วิทยากรบรรยาย ประการหนึ่ง

ประเด็นถัดมา ก็คือ อาจจะฟังไม่ถนัด หรือฟังมากไปจนสับสน ประการหนึ่ง

อย่าไปกังวลมากนัก เพราะสมุนไพร คือวัตถุดิบ เฉกเช่นเดียวกับอาหารที่เราทาน แม้นจะทานผิดเวลาไปบ้าง ก็ไม่เสียหาย

หากแต่สำหรับสมาชิกใหม่ ประเด็นสำคัญ ที่วิทยากรบรรยาย ในการทานสมุนไพรแต่ละช่วงนั้น อยู่ที่ การให้สรรพคุณประการหนึง และการทานง่ายประการหนึ่ง เท่านั้นเอง นั่นหมายความว่า เมื่อทานสมุนไพรไประยะเวลาพอควร สักเดือนสองเดือน การจะทานเวลาไหน ก็ตามแต่สะดวก

แต่ที่เราเห็นว่า ควรจะสนใจ กลับเป็น คุณลักษณะของสมุนไพรนั้นๆ ต่างหาก เพราะนั่นจะมีผล โดยเฉพาะในยามฉุกเฉิน ที่ต้องการแก้ไขอาการเร่งด่วน

เริ่มจากสมุนไพรเขียว ที่ในอดีตหลวงพ่อนิพนธ์ให้ทานคนละแก้ว ต่อคิวกันมายาวเหยียด ทานเสร็จก็มีคนล้างแก้ว แล้วนำมารินให้คนทานต่อ

วันหนึ่งสาธารณสุขจังหวัด มาตรวจและบอกว่า การทำเช่นนั้น ไม่สะอาด สามารถทำให้เกิดโรคติดต่อได้

หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกว่า สมุนไพรหากจะช่วยรักษาคนได้ ก่อนอื่นต้องมีคุณสมบัติช่วยปกป้องตนเองได้ก่อน นั่นคือ หากแบคทีเรียหรือเชื้อ สามารถเข้าไปในสมุนไพรและคงอยู่ได้ สมุนไพรนั้นก็ไม่มีความสามารถที่จะช่วยรักษาอันใดได้นั่นเอง

จึงให้สาธารณสุขลองนำไปทดสอบ เทียบกับการล้างแก้วตามหลักการในโรงพยาบาล เช่น น้ำร้อน แล้วตรวจเชื้อ ซึ่งก็พบว่า แก้วที่ใส่ยาเขียว ปราศจากเชื้อ ในขณะที่ใช้น้ำร้อนก็ยังมีเชื้ออยู่

คุณสมบัติข้อนี้ จึงทำให้เราได้รู้ว่า สมุนไพรเขียวฆ่าเชื้อได้ และมีฤทธิ์เป็นด่าง เป็นยาเย็น ส่วนฤทธิ์โดยตรง ทำให้อยากอาหาร และคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของสมุนไพรเขียว คือ สมานแผลที่อยู่ในที่ชื้นได้

ด้วยเหตุนี้ ปฐมบทของยาสมุนไพร จึงเริ่มที่สมุนไพรเขียวนี้เอง เพราะประตูเป็นตายของมนุษย์ หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ธรรมชาติกำหนดอยู่ที่การกิน นั่นเอง

จากคุณสมบัติของสมุนไพรเขียว จึงทำให้สามารถนำสมุนไพรเขียวไปทาแผลภายนอกได้ ทำให้สมุนไพรเขียว สามารถนำไปทาแก้คัน ลมพิษ หรืออาการสะเก็ดเงินได้

ปัญหาที่สำคัญคือ ผู้ที่ผ่านยาเคมีมานาน ที่ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด ทำให้เกิดอาการแผลในระบบทางเดินอาหาร และถ้าหนักกว่าน้้น ก็จะกลายเป็นแผลทะลุ ทำให้คุณสมบัติของสมุนไพรเขียว ทำงานไม่ได้

สมุนไพรตำลึง มีคุณสมบัติเป็นเมือกเหนียว สามารถใช้อุดรูแผลเหล่านั้นได้ ทำให้ต้องทานสมุนไพรตำลึงก่อน เพื่อให้สมุนไพรตำลึงทำหน้าที่อุดรูแผลเหล่านั้น และเมื่อสมุนไพรเขียวเข้าไป ก็จะทำหน้าที่สมานแผลในระบบทางเดินอาหารนั้นได้

เพราะการที่ต้องการเวลาในการทำงาน ณ ตำแหน่งนั้นๆ การทานสมุนไพรตำลึง และสมุนไพรเขียว จึงไม่ควรดื่มน้ำตาม เพราะน้ำจะไปเป็นตัวชะล้าง พาสมุนไพรตำลึงและสมุนไพรเขียวไป ก่อนที่จะซ่อมแซมระบบทางเดินอาหาร

วิทยากรจึงมักแนะนำว่า ให้เว้นระยะห่างไว้ อย่างน้อย ๕ นาที ก็ด้วยเหตุนี้นั่นเอง

สำหรับสมุนไพรมะกรูด ลูกกลอนน้ำผึ้ง และสมุนไพรมะพร้าว เป็นสมุนไพรธาตุไฟ เมื่อทานแล้วจะมีอาการแสบร้อน ดังนั้น ในขณะที่ร่างกายยังฟื้นฟูไม่เต็มที่ หรือ ระบบทางเดินอาหารยังไม่ดี การทานหลังอาหาร ก็จะช่วยให้การทานสมุนไพรเหล่านี้ง่ายขึ้น

ในทางกลับกัน หากเราอยากรู้ว่าระบบทางเดินอาหารของเราดีแล้วหรือยัง ก็สามารถใช้สมุนไพรเหล่านี้ทดสอบได้ นัั่นคือ ลองทานสมุนไพรเหล่านี้ในยามท้องว่าง หากไม่เกิดอาการแสบท้อง แสบลำไส้ นั่นก็หมายความว่า ระบบของเรากลับมาเป็นปกติแล้ว นั่นก็หมายความว่า สามารถทานสมุนไพรธาตุไฟเหล่านี้ตอนไหนก็ได้แล้ว

หากแต่ในยามนอน ร่างกายเราจะมีอุณหภูมิต่ำลง ความเย็นจะเข้าแทรกได้ง่าย โดยเฉพาะคนป่วยหนัก วิทยากรจึงแนะนำให้ทาน สมุนไพรธาตุไฟ ลูกกลอนน้ำผึ้งก่อนนอน เพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกายไว้ โดยเฉพาะคนที่นอนหลับยาก ก็จะทำให้ความเย็นไม่แทรก นอนหลับสบาย

สำหรับยาต้ม ที่จัดเป็นสมุนไพรที่ต้องอุ่นก่อนทาน ก็เช่นเดียวกัน ระยะแรก ก็ทานหลังอาหาร ตามวิทยากรบอก ก็จะทานได้ง่าย หรือจะใช้วิธีการอุ่นตอนเช้า และใส่กระบอกเก็บความร้อน แล้วจิบแทนน้ำตลอดทั้งวันก็ยังได้

ด้วยคุณสมบัติและการทำงานเหล่านี้ เราท่านต้องเรียนรู้ และพิจารณาอาการ ก็จะสามารถนำไปใช้ได้หลากหลายตามอาการที่เกิด อาทิ มีอาการอาเจียน หรือกรดไหลย้อน ก็สามารถใช้คุณสมบัติความเป็นเมือก ปิดช่องของกระเพาะ ของสมุนไพรตำลึง มาแก้ไขได้

มีอาการถ่ายบ่อย ก็หยุดทานน้ำ นอนนิ่งๆ หิวก็จิบสมุนไพรปอดนิดๆ แก้กระหาย ปล่อยให้ระบบลำไส้ได้พักฟื้นสัก ๔ ถึง ๖ ชั่วโมง ไม่ให้มีน้ำเข้าไปในระบบ ระบบก็จะกลับมาเป็นปกติ หรือในกรณีที่ถ่ายยาก ก็ต้องทานน้ำมากกว่าปกติ

และสมุนไพรลูกกลอนดำ หรือ น้ำผึ้ง มีส่วนผสมของพริกไทยและกระเทียมโทน นี่เรียกว่ารถด่วนธรรมชาติ ที่สามารถซึมเข้าระบบได้อย่างรวดเร็ว ในกรณีของคนที่เป็นลม หรือหัวใจวาย หรือเริ่มจะล้มเหลว หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนว่า รีบชงกับน้ำอุ่น แล้วป้อนให้ทาน แล้วจับมือดู ทานไปจนตัวเริ่มอุ่น อาการหัวใจ หรือเป็นลมก็จะหายไป เรียกได้ว่า เป็นสมุนไพรประจำตัวคนสูงวัย เหมือนยาหม่อง ยาดม มีอาการปุ๊บทานปั๊บ ฟื้นเร็ว และที่สำคัญทำให้หัวใจไม่เป็นตะคริว ป้องกันหัวใจวายได้เป็นอย่างดี พูดง่ายๆ ร่างกายเย็นใช้สมุนไพรธาตุไฟเข้าช่วย น้ำเกิน ใช้สมุนไพรมะพร้าววิดออก ไฟเกินตัวร้อน ไข้สูง ใช้สมุนไพรเย็น เข้าแก้

การทานสมุนไพร หลวงพ่อนิพนธ์สอนว่า มิใช่ยาตายเช่นยาเคมี แต่เป็นยาเป็น มีไว้เพื่อชิงสถานการณ์กับกรรม กับโรค นั่นจึงต้องอาศัยความละเอียด ในการฟื้นฟูตน เรียกว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสี ทัดเทียมกัน

โดยเฉพาะคนไข้วิกฤต เรียกว่าชิงเดิมพัน คือชีวิต นั่นเอง จะปล่อยไปตามนิสัยไม่ได้เลย

คำเตือนของหลวงพ่อนิพนธ์ที่มักกล่าวให้คนไข้วิกฤตฟังเสมอ นอกจากทานสมุนไพรถึง ได้ปริมาณและชนิด แล้วก็ตาม หากแต่สมุนไพรไม่ใช่แหล่งของกำลัง นันคือ คนป่วยต้องทานอาหารให้ได้ ที่สำคัญคือ ต้องทานให้ครบ ๕ หมู่

คนไข้หลายคนเป็นอิสลาม มีปัญหากระดูก โรคเก๊าต์ บอกจะไม่ทานสมุนไพรกระดูกหมู ทำเช่นนั้นก็ไม่ได้ เป็นคนถือศีลกินชี มัง เจ อย่างที่วิทยากรมักเรียก จะไม่ทานเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลัก ก็ไม่ได้ มิฉะนั้น ต่อให้มีเครื่องมือฟื้นฟู คือ สมุนไพร แต่ไม่มีวัตถุดิบ คือ อาหาร สมุนไพรก็ช่วยอะไรไม่ได้

ขอย้ำ ยิ่งคนป่วยหนัก ต้องทานอาหารให้มากกว่าปกติ หากแต่การทานแต่ละครั้งเมื่อทานมากไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนนิสัยให้กลายเป็นคนกินจุกกินจิก เป็นการชั่วคราวก่อน

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44