วิทยาศาสตร์ ศึกษาสิ่งที่จับต้องได้ ดังนั้นในบัญญัติของวิทยาศาสตร์ในการรักษาโรค จึงไม่คำว่า อำนาจกรรม และ อำนาจธรรม ซึ่งพระพุทธเจ้่าเรียกว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของโลก หรือ ปาฏิหารย์นั่นเอง
ก็ด้วยเหตุที่ว่า สองสิ่งนี้ ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ แต่สัมผัสได้ ที่สำคัญปฏิเสธไม่ได้ด้วย
หลักสมุนไพรของพระภูมี จึงผูกติดกับอำนาจธรรม เพราะระบุสาเหตุแห่งโรค ที่เกิดกับคน ว่าเกิดจากอำนาจกรรม ใครทำ ใครได้ ปฏิเสธไม่ได้เลย หลีกสักฉันใด ก็ไม่พ้น ไม่ว่าจะกินดี อยู่ดี อนามัยจัด แม้นกระทั่ง ไม่สบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้
และเมื่อระบุเหตุแห่งกรรม จึงสรุปได้ว่า โลกนี้ไม่มียารักษาโรค เพราะหากมีก็แสดงว่า ยานั้นมีอำนาจเหนือกรรม ซึ่งพระภูมีแสดงให้เห็นประจักษ์แล้วว่า สิ่งเดียวที่มีอำนาจเหนือกรรม ก็คือ ธรรม
สูตรสมุนไพรของพระภูมี จึงจำเป็นต้องมีสองขา จักทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพึ่งพาธรรม ทั้งคนทำให้และคนทาน
บทพิสูจน์อันเด่นชัด นั่นคือ พระถ้ำกระบอก และสำนักต่างๆ ที่แตกออกไปทั้ง ๗ สำนัก ที่ทยอยกันล่มสลาย จนกระทั่งองค์สุดท้ายที่จากไปด้วยมะเร็ง ล้วนแล้วแต่ใช้สูตรเดียวกัน แถมยังทำด้วยการห่มผ้าเหลืองอีกทั้งสิ้น
ยิ่งสมุนไพรที่ขายกันเกลือนกลาดในจอทีวีดาวเทียม ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีทางรักษาโรคได้อย่างแน่นอน
และยิ่งไปกว่านั้น ธรรมคำสอนที่แท้จริงของพระภูมี ก็ถูกกลบฝังดิน รอพระพุทธเจ้ามาสังคายนา ดังนั้น ธรรมที่มีเกลื่อนกลาดในโลกปัจจุบัน จึงเป็นของปลอมที่รอวันของจริงปรากฎโฉม มาฉีกหน้ากากเท่านั้นเอง
เหตุผลที่กล่าวเช่นนี้ หลวงพ่อนิพนธ์ก็ชี้ให้เห็นว่า เพราะธรรมที่มีมันของเก๊ ผลที่ได้จึงเป็นลม ไม่มีบุญจริงๆ ที่มีอำนาจ มาคุ้มครองตน หรือช่วยตนได้เลย ก็ขนาดพระยังเป็นโรคเลย
แม่ชีเมี้ยน ย้ำให้เห็นในอำนาจธรรมว่า พระของพระภูมี เกือบแสนองค์ ไม่มีใครเป็นโรคเช่นนั้นดอก เพราะทุกองค์มีธรรม อันหมายความว่า มีบุญ และคนมีบุญ จักมีกรรมได้อย่างไร ในเมื่อบุญมีอำนาจเหนือ โรคมันเป็นบริวารแห่งกรรม เมื่อมีบุญ จะมีโรค เป็นไปไม่ได้
หากไอสไตน์ได้ฟังธรรมหมวดนี้ของแม่ชีเมี้ยน คำถามที่คาใจก่อนตายที่ว่า "ตัวเขาเชื่อว่า โลกนี้ต้องมีความแน่นอน นั่นคือ พระเจ้าไม่ทอดลูกเต๋าแน่" สมการพลังงาน ที่หายไปของเขา ที่แม้นตายก็ยังคิดไม่ออก ว่ามันคืออะไร ก็คือ พลังกรรมนั่นเอง ที่เป็นตัวกำหนดควบคุม พลังทุกชนิดในโลก
เคล็ดของการรักษาโรค จึงผ่านการใช้สมุนไพร รวมกับคุณธรรม คือ การให้ อันเป็นที่มาของพุทธพจน์ "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก" นั่นเอง
ก็ฝรั่งไม่รู้จัก คำว่าทำให้ ... ค้นคว้าให้ตายก็ไม่ทางเจอยารักษาโรคหรอก คนที่เชื่อวิทยาศาสตร์ด้านอำนวยความสะดวก และรอว่าสักวันหนึ่งจะมียารักษาโรค .... รอไปเถอะ ฝันที่ไม่มีวันมาถึง
ด้วยเคล็ดอันนี้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า การหายโรคจึงเป็นไปได้ และไม่ใช่เรื่องยาก ก็เพียงแต่เดินตามรอยที่พระภูมีทิ้งไว้ให้ นั่นคือ สุขไม่ได้เกิดจากการแสวงหามาเพื่อตน หากแต่การทำเพื่อให้เกิดสุขแก่ผู้อื่น แล้วสุขนั้นจะย้อนมายังตนต่างหาก
เชื่อวิทยาศาสตร์ ก็แสวงหากำไรสูงสุด เชื่อพระพุทธเจ้า ก็แสวงหากำไรแต่น้อย เพราะกำไรเกินกว่านั้น มันบาป .... จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า พ่อค้าเหล็ก พ่อค้าข้าว เป็นมะเร็งได้โดยวิธีใด ก็เพราะกำไรที่เกินไปนั่นเอง ... หาใช่เป็นเพราะกินโน่น สูบนี่ แล้วทำให้เป็น ดั่งที่วิทยาศาสตร์ใช้อ้างไม่