เมื่อพระพุทธเจ้าใกล้อุบัติ สัญญาณที่เด่นชัดนั่นคือความรุนแรงของกรรมที่มนุษย์สร้าง ย่อมบีบรัดและรุนแรงเป็นทวีคูณ รอพระพุทธเจ้ามาดับยุคเข็ญ
ดังนั้นหลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกเสมอว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อผ่านปีไปเรื่อยๆ โรคมันจึงทวีความรุนแรงขึ้น และก็เช่นกันสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยนก็จะมีฤทธิ์เพิ่มขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ได้ปล่อยปละละเลย ไม่ได้เน้นในสมัยก่อน นั่นคือ พฤติกรรมและการกระทำ มาวันนี้ ก็ต้องเริ่มเน้นตามสภาพ เพื่อให้สู้กับกรรมและโรคที่เผชิญได้นั่นเอง
คำสอนที่ให้ นับวันก็จะเริ่มดุเผ็ด บาดหูบาดใจ และข้อปฏิบัติก็ต้องเน้น จนในวันหนึ่ง ก็จะได้ยินคำพูดดั่งเช่นครั้งถ้ำกระบอก นั่นคือ ไม่มีพวกครึ่งๆกลางๆ เหยียบเรือสองแคม นั่นคือ พอใจยินดี ก็ต้องทำตามคำบอก หากไม่พอใจไม่ยินดี ก็ลุกออกไป หาสิ่งใหม่ที่ชอบ
พฤติกรรมที่ขาดไป ก็ต้องถูกนำกลับมาให้ปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในการกระทำมากยิ่งขึ้น เพราะจะสมบูรณ์เฉพาะสมุนไพรไม่ได้
ดังนั้น ในไม่ช้า สิ่งหนึ่งที่จะเพิ่มเข้ามา นั่นคือ บทขมาลาโทษ ... ที่สมาชิกทุกท่านต้องจำและนำไปใช้
หลักของพระภูมี เดินสองขา ขาสมุนไพรเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง ฟ้าเปิดให้แล้ว ในขณะที่ขาของบุญ ก็ต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ารูปเข้ารอย ตามพระภูมี
ผลของความสำเร็จในทางเลือกสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน จึงเป็นไปไม่ได้เลย สำหรับผู้ที่มาแต่ตัว หากแต่วาจา ใจ ไม่มาด้วย ดังนั้นไม่ต้องเป็นหมอดู เห็นคนไข้ก็บอกได้เลยว่า จะถึงฝั่งไหม ก็ดูนิสัยของคนไข้ผู้นั้น ว่า เมื่อได้รับธรรมคำสอน ธรรมสามารถเปลี่ยนนิสัยเขาได้หรือไม่
บทสรุปหลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า มาทานสมุนไพรอย่างเดียว โดยที่นิสัยยังเหมือนเดิม ... ให้ประสพผล "เป็นไปไม่ได้" อย่ามาเสียเวลาเลย เก็บสมุนไพรไว้ให้ผู้ที่ต้องการ จากไปด้วยความคิดนี้ ก็ถือว่าทำกุศลทิ้งไว้แล้ว ไปหาทางเลือกที่ตนชอบ ... และอำนวยอวยพรให้