ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556
เยือนถึงถิ่น
ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมบุคคลสำคัญ ทุกฝ่าย ล้วนให้ความสำคัญแก่สมุนไพรแม่ชีเมี้ยนอย่างสูง
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ชมรมคนรักสุขภาพ ได้มีโอกาสต้อนรับ บุคคลชั้นสูงของพม่า นำโดยผู้ชายที่นั่งเก้าอี้ด้านหน้า ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐบุรุษของพม่า พาคณะมาเยือนหลวงพ่อนิพนธ์กว่ายี่สิบชีวิต
ตัวท่านรัฐบุรุษเอง ประสพปัญหาช่วยตนเองไม่ได้ ลุกจากเตียงไม่ได้ มาเป็นเวลานาน หากแต่การทานสมุนไพรผ่านไปสองสัปดาห์ ก็ให้เกียรติบินจากย่างกุ้งมาลงสนามบินทวาย แล้วนั่งรถอีกสองร้อยกิโลเมตร ด้วยความอยากเห็นกิจกรรมของหลวงพ่อนิพนธ์ เพื่อที่จะให้การสนับสนุน
ในคณะนี้เอง มีคนไข้ที่เป็นบุคคลระดับสุงของพม่าอีกท่านหนึ่ง ที่เมื่อนายทหารและข้าราชการผู้ใหญ่ของทวาย ไปต้อนรับ ต้องตกใจเป็นอย่างมากว่าท่านมาได้อย่างไร เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า บุคคลท่านนี้ ประสพปัญหาลิ้นหัวใจรั่ว และหัวใจโต กำลังป่วยอยู่ในสภาพวิกฤติ ที่หมอกล่าวว่า ต้องทานยากระตุ้นลิ้นหัวใจตลอด หากขาดยาหัวใจจะหยุดเต้น และแม้นว่า เมื่อทานยาแล้ว ก็ไม่สามารถไปไหนได้ เพราะการกระเทือนจากการนั่งรถ หรือเคลื่อนไหวมาก อาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ตลอดเวลา
บุคคลท่านนี้ ได้ฟังล่ามแปลคำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์ ตัดสินใจ ทิ้งยาเคมีทั้งหมด หันมาทานสมุนไพร โดยการเก็บสมุนไพรไว้บนหิ้งพระ ก่อนทานกราบไหว้ ตั้งสติ ทำสมาธิ จิตใจ แล้วทาน ผ่านมาสองสัปดาห์ ก็ตัดสินใจตามคณะมา .... ขึ้นเครื่องบิน นั่งรถมาอีกสองร้อยกิโล ทั้งที่หมอบอก หากนั่งรถ อาจตายได้ทุกนาที
บุคคลอีกท่านหนึ่งในคณะที่สำคัญ เป็นผู้หญิง ดีกรีด๊อกเตอร์จากอังกฤษ เป็นเจ้าของโรงพยาบาลใหญ่ของพม่า มีหมอนับร้อยคน เป็นหลานสาวนายก ได้ติดตามคณะมาดู หลังจาก แม่ของเธอที่เป็นน้องนายก ประสพปัญหา ที่หมอแก้ไม่ตก หากแต่สภาพหลังจากหยุดยาเคมี แล้วมาทานสมุนไพรก็ดีวันดีคืน จึงเป็นตัวแทนของแม่มาเยือน
คณะผู้ติดตามที่ตามมา ล้วนกระตือลือร้น เข้าดูกิจกรรมของชมรม ถ่ายรูป และศึกษา ตัวสมุนไพร เพื่อที่จะไปดูว่าในพม่าที่ใดมีบ้าง
และในการเยือนครั้งนี้ ท่านรัฐบุรุษและผู้นำร่วมคณะที่ตามมา ได้เชิญหลวงพ่อนิพนธ์เข้าไปพม่า เพื่อกำหนดพื้นที่ และวิธีการ รวมถึงประเภทสมุนไพร ที่ต้องการให้ปลูก โดยคณะของพวกเขาจะรับผิดชอบในการจัดเตรียมพื้นที่ และการปลูก การหาคนงาน เพื่อดูแลให้ทั้งหมด
เราจึงคิดเล่นๆ ว่า หากแผ่นดินไทยยังชาด้าน วันหนึ่ง แม่ชีเมี้ยนอาจสั่งให้หลวงพ่อนิพนธ์ข้ามฟากไปตั้งศูนย์ที่พม่าแทน เพราะเล็งเห็นว่า คนไทยมันไม่เอาศาสนา ยากเกินกว่าจะสอนแล้วก็เป็นได้ ภาพนี้ที่ควรจะเห็นจากผู้นำของไทย มันจึงไปปรากฎในพม่าแทน ....
ยิ่งได้ฟังหลวงพ่อนิพนธ์ชอบกล่าวย้ำๆ ว่า มีโอกาสก็รีบทาน รีบหายกันเถอะ เพราะอนาคตอะไรก็ไม่แน่นอน