แล้วแม่ชีเมี้ยน มีความรู้อะไร ปล่าวเลย เป็นลูกชาวนา ต.หนองแก้ว อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ไม่เคยเรียนหนังสือ อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้แม้แต่ชื่อของตนเอง
จนขณะที่ถูกกองปราบจับ แจ้งข้อหาร้ายแรง แล้วพาท่านไปพิมพ์ลายนิ้วมือ พิมพ์แล้วพิมพ์อีก จนลายนิ้วมือหาย แลหลวงพ่อนิพนธ์ก็ได้กล่าวว่า คนพวกนี้นำท่านไปทรมาน ให้พึงระวังฟ้าดินลงโทษ
แลวันที่แม่ชีเมี้ยน ถูกปล่อยตัวออกจากกองปราบ กองปราบแห่งนั้น ก็ถูกฟ้าผ่า จนต้องย้ายหนี
แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสว่า สิ่งที่ฉันมี คือ ความรู้ภูมิปัญหาของพระพุทธเจ้า จึงทำเช่นนี้ได้ แลไม่ต้องสงสัยว่า สิ่งที่สอนจะเป็นการสร้างบาป
การทำสมุนไพรให้คนกิน สมุนไพรที่ทานไปนั้น หากแม้มีผลทำร้ายต่อร่างกายของผู้ทาน นั่นคือ การทำบาป ผู้ทำย่อมหนีผลของการทำบาปนั้นไม่ได้ ปฏิเสธก็ไม่ได้
แต่ผู้คนเรือนหมื่นเรือนแสน ที่ได้ผ่านสมุนไพรนี้ ที่ประสพผล อันเป็นข้อยืนยันได้ว่า สมุนไพรสูตรพระภูมี แลข้อปฏิบัติ ที่แม่ชีเมี้ยนนำมาให้ แก่พระและฆราวาสนั้น "เป็นสิ่งถูก" แลเมื่อทำถูก ผลถูกจึงเกิด
คนที่ทานควรจะวางใจ แลไม่ควรมีพฤติกรรมที่แสดงความรังเกียจ หรือ ตะขิดตะขวงใจ "มันจะสะอาดไหม" มัน ....
และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อปรากฎอาการเกิดขึ้น แล้วไปกล่าวโทษสมุนไพร ว่าทานแล้วทำให้เป็นเช่นนั้น พฤติกรรมเช่นนี้ หลวงพ่อนิพนธ์ให้สติว่า เป็นพฤติกรรม "อกตัญญู" น่ากลัวอย่างยิ่ง
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงชี้ให้เห็นเหตุผลให้พิจารณาว่า ก็สมุนไพรหม้อเดียวกัน ทุกคนก็ทานเหมือนกัน หากเป็นเหตุจากสมุนไพร ทุกคนก็ต้องเป็นเหมือนกัน เมื่อบางคนเป็น บางคนไม่เป็น นั่นคือ คนที่เป็น มันเกิดจากโรคที่ตนเป็นแสดงอาการออกมา หาใช่สมุนไพรทำให้เป็นไม่
ที่สำคัญ หากสมุนไพรเป็นโทษ ย่อมหาคนที่ประสพผลสำเร็จจากการทานสมุนไพรหม้อเดียวกันนั้นไม่ได้เลย แต่ภาพที่ปรากฎก็เห็นกันอยู่ ว่าคนนั้นหาย คนนี้หาย
สิ่งที่พึงกังวล ควรจะเป็น "พฤติกรรมของตนเอง" ต่างหาก ว่าทำเช่นไร เราท่านจึงไม่ประสพผลดังเช่นเขา
ควรที่จะไปศึกษาให้ถ่องแท้ ว่าคนที่เขาประสพผล ต้องทำอย่างไร อย่าคิดเอาเอง เออเอง ...