แบบแรก เรียกได้ว่าเป็นสมุนไพรที่ใช้ในการปรับสมดุลย์ ของธาตุทั้งสี่ของร่างกาย อันได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ นั่นเอง
ซึ่งก็เป็นสมุนไพรทั่วไป ที่เราท่านได้รับกันประจำอยู่แล้ว
สมุนไพรกลุ่มนี้ จึงมีหน้าที่ ฟื้นฟูอวัยวะ สร้างภูมิต้านทาน และทำให้อยากอาหาร เพื่อให้ร่างกาย กลับมามีอวัยวะที่สมบูรณ์ และมีวัตถุดิบที่ใช้ไปในการฟื้นฟูร่างกายนั่นเอง
กลุ่มที่สอง เรียกได้ว่าเป็นสมุนไพร ที่ใช้เพื่อแก้ไขอาการปัจจุบันทันด่วยที่เกิดขึ้น อันเป็นผลจากโรคที่เป็น อาทิเช่น สมุนไพรที่ใช้ดูดหนอง สมุนไพรที่ใช้ในการประคบ ใช้สูดดม ใช้รม ...
สมุนไพรส่วนที่สองนี้ จึงเป็นสมุนไพรที่เหล่าสมาชิก ต้องไปแจ้งอาการให้เจ้าหน้าที่ ปกติ ก็มักจะเป็นคุณดา คุณปุ้ม ทราบ เพื่อจัดสมุนไพรดังกล่าวเสริมให้เป็นรายๆไป
โดยจะสามารถขอได้ในตอนเช้า ที่ห้องอบรม บนอาคารมูลนิธิไทยกรุณานั่นเอง
หากแต่สงสัย หรืออยากรู้ว่า โรคที่เราเป็น อาการที่เกิด วิธีแก้ไข ก็สามารถไปพบวิทยากร ที่ตู้ประชาสัมพันธ์สีเหลือง ด้านหน้าบริเวณทางเข้า เพื่อขอคำปรึกษา
หากวิทยากรเล็งเห็นว่า กรณีไหนจำเป็นต้องให้หลวงพ่อนิพนธ์วินิจฉัยหรือจัดสมุนไพรให้เป็นกรณีพิเศษ วิทยากรก็จะจัดให้เข้าพบ
ผลแพ้ชนะที่หลวงพ่อนิพนธ์มักจะพูดว่า มีโอกาส หรือไม่ ก็วัดกันที่ "การกิน"
ซึ่งมักจะพูดเล่นๆเสมอว่า "หากยังกินได้ ก็ไม่ตาย"
เพราะการกินเป็นปัจจัยหลักในการส่งเสบียงและเวชภัณฑ์ให้แก่ร่างกาย ดังนั้น จึงต้องระวังเรื่องการกินให้มาก หากมีกรณีฉุกเฉิน ทำให้ทานไม่ได้ หลายวัน ไม่ควรรอจนร่างกายทรุดโทรม ควรที่จะพาไปให้น้ำเกลือ จนพ้นวิกฤตกลับมาทานได้เหมือนเดิมก่อน
ปัญหาประการเดียวที่หลวงพ่อนิพนธ์มักกล่าวในกรณีนี้คือ ไปแล้วหมอไม่ยอมให้ออก เพราะเมื่อทานสมุนไพรแล้ว ตรวจค่าอะไรก็เกินไปหมด
หากแต่เมื่อร่างกายกลับมาทานข้าวได้ปกติเมื่อใด ก็ควรรีบหาทางนำคนไข้ออกมาด้วย พร้อมกับปรึกษาวิทยากร เพื่อเข้าพบหลวงพ่อนิพนธ์ ขอสมุนไพรมาเร่งฟื้นฟูด่วน
ใครที่ไม่รู้จัก คุณดา ไม่รู้จัก วิทยากร อ.อร่าม คุณณัฐนนท์ คุณปุ้ม ก็รีบไปทำความรู้จักซะ