ผืนดินอันที่เดินทางไปด้วยรถอย่างยากลำบาก แลพื้นที่มีน้ำล้อมรอบสามด้าน ส่วนด้านที่เหลือ ติดกับป่าสงวน โดยมีถนนคั่นกลาง
ผืนดินแห่งนี้ แทบจะไม่มีไม้ใหญ่ เพราะกะเหรี่ยงเจ้าของที่ใช้ทำไร่ แต่หลวงพ่อนิพนธ์พิจารณาดูแล้ว มีสิ่งที่ชอบอยู่หลายประการ
ประการที่หนึ่ง ผืนดินแห่งนี้เดินทางถึงได้ยาก จึงมีความสงบ
ประการที่สอง ผืนดินแห่งนี้ อยู่ในชัยภูมิที่มีอากาศค่อนข้างบริสุทธิ์
ประการที่สาม ผืนดินแห่งนี้ มีต้นมะขามป้อมอยู่สี่ห้าต้น และมีต้นสมออยู่สองสามต้น อันเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่ามาก ที่ซึ่งปกติสรรพสัตว์จะใช้ทานเป็นยา
เมื่อสามารถซื้อได้ สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์จำคำสอนของแม่ชีเมี้ยนไว้จนขึ้นใจ นั่นคือ "การประกาศเจตนา"
ท่านจึงประกาศเจตนา ณ ผืนดินนั้นว่า จะทำนุบำรุงผืนดินนี้ ให้เป็นที่คนทุกข์ได้มาพึ่งพิง จะไม่เอามาหาประโยชน์ใส่ตนเป็นอันขาด
ผืนดินแห่งนั้น หลวงพ่อนิพนธ์จึงได้เริ่มส่งพระไปพำนักอาศัย และได้เป็นที่สำหรับผู้ป่วยยาเสพติดเป็นจำนวนไม่น้อย รวมทั้ง ผู้ป่วยเอดส์ อีกมากมาย
มาถึงวันนี้ แผ่นดินนั้น มีต้นมะขามป้อมเกือบห้าร้อยต้น มีต้นสมอกว่าร้อยต้น หากแต่เมื่อเดินออกจากพื้นที่นั้นไป แม้เพียงข้ามถนน ก็ไม่สามารถพบต้นไม้ทั้งสองชนิดนี้เลยสักต้นเดียว
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงสรุปให้ฟังว่า "คนดีฟ้าดินคุ้มครอง" การประกาศเจตนา จึงได้รับการตอบรับจากฟ้าดิน อุปมาฟ้าดินเป็นใจส่งเสริมให้ทำความดีนั่นเอง
หลวงพ่อนิพนธ์ ได้ชี้ให้เห็นว่า เคล็ดอันนี้สามารถใช้ได้กับการรักษาตนเช่นเดียวกัน หลายคนที่ประกาศเจตนาเพียงแค่ว่า "ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ไม่ว่าฟ้าถล่มดินทลาย ก็จะมาทำกิจกรรมทุกสับดาห์"
คนเหล่านั้น ก็สามารถยืนหยัดมีชีวิต มาจนทุกวันนี้
หลวงพ่อนิพนธ์ ได้อรรถาธิบายว่า สิ่งนี้เรียกว่า "สัญญา" นั่นเอง
สัญญาที่ทำกับแม่ชีเมี้ยน กับพระภูมี ย่อมมีน้ำหนัก และมีผลทำให้ชีวิตเหนียวแน่น
เพราะแม่ชีเมี้ยน พระภูมี มีตัวมีตน และมีอำนาจเอาชนะกรรม
ในขณะที่สิ่งอื่นใดในโลก ล้วนแต่มนุษย์สร้างขึ้น จึงเป็นลม ผลของการทำจึงไม่มีน้ำหนัก ช่วยตนไม่ได้เลย
วิธีนี้ใครมั่นใจว่าทำได้ ก็ลองดูได้ และลองดูผลที่พึงเกิดกับตน ว่าจะเป็นเช่นไร
หลวงพ่อนิพนธ์ ได้กล่าววว่า ในอดีตท่านจะบังคับให้คนป่วยทุกคน ทำสัญญากับแม่ชีเมี้ยน กับพระภูมีทุกคน อาทิเช่น ไม่โกรธวันละสองชั่วโมง ไม่ใช้ผู้อื่นวันละสองชั่วโมง เป็นต้น
เจตนา บ่งบอกสิ่งที่กระทำ ... แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า สมุนไพรรู้ใจคนทาน แลผลที่จะพึงเกิด ย่อมมีแต่กับคนดี เท่านั้นเอง
ใครว่า เจตนาไม่สำคัญ.. แต่ที่นี่... หากท้ายที่สุดไม่เจตนาเพื่อเป็นคนดีแล้วไซร้ อนาคตก็เห็นแต่วันนี้ว่าผลจะออกมาเช่นไร..
หลอกคนอื่นได้ แต่หลอกตนเองไม่ได้หรอก ยิ่งตาฟ้าดินด้วยแล้ว ... ยิ่งไม่มีทาง
ก็เจตนาของพระภูมี ในการนำธรรมและสูตรสมุนไพรมาให้มนุษย์ สิ่งที่ต้องการ ไม่มีอื่นใดเลย นอกจาก "คนดี" เท่านั้นเอง
การประกาศเจตนาเป็นคนดี จึงเป็นการกตัญญูแก่พระภูมี นั่นเอง
ผลของการกระทำนี้ จึงมีผลอันมหาศาล... เป็นปาฏิหารย์ ให้ได้สัมผัสนั่นเอง
เราจึงไม่แปลกใจเลยที่มักจะได้ยินหลวงพ่อนิพนธ์กล่าวเสมอว่า "โรคอะไรก็ไม่น่ากลัว กลัวแต่นิสัยของคนคนนั้น"