คือ หายแน่ไหม กี่วันหาย ...
หลวงพ่อนิพนธ์ ได้ชี้ให้เห็นว่า ความแน่นอนในผลของการรักษา ขึ้นอยู่กับมือสองมือ ประสานกัน จึงจะประสพผล
มือหนึ่ง คือ มือของผู้ทำ ที่ตั้งอยู่บนฐานของคุณธรรม อันได้แก่ การทำให้ ซึ่งหลวงพ่อนิพนธ์ทำอย่างสมบูรณ์แล้ว
หากแต่มือที่สอง อันเป็นตัวชี้วัด ถึงผลสำเร็จ นั่นคือ มือของตัวคนป่วยเอง ที่จะยื่นมาประสานกัน ไปในแนวทางเดียวกัน ที่หลวงพ่อนิพนธ์ได้ชี้ให้หรือไม่
ที่ที่ปลอดภัย และพระภูมีรับประกันว่าผู้ใดไปถึง ย่อมประสพผลการหายโรคอย่างแน่นอน นั่นคือ การเป็นคนดี นั่นเอง
อดีตเป็นอย่างไร ไม่สน ไม่จำเป็นต้องรับรู้ หากแต่อนาคต สามารถปรับเปลี่ยนตนให้มีพฤติกรรม เป็นคนดี ตามครรลองของพระภูมีได้ การหายโรคก็เป็นเรื่องที่ได้เป็นสมบัติของตน จากพระภูมีอย่างแน่นอน
ยาหม้อเดียวกัน ทุกคนทาน แต่มีผลมากน้อยต่างกัน เพราะเขามีวิญญาณและรับรู้พฤติกรรม ผลที่ออกมาจะมากน้อย ก็ขึ้นกับพฤติกรรมที่ทำได้ เมื่อทำถูกผลถูกก็เกิด เมื่อทำผิด แม้นจะทานมากสักฉันใด ก็ยากจะหาผลได้
ปัญหาคือ คนดีของพระภูมีเป็นเช่นไร นี่แหละเราท่านจึงต้องฟังจากคำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์ แล้วพิจารณา น้อมนำมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตน ให้เดินไปในแนวทางนั้น
จึงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนเชื่อ เพราะทุกคนล้วนมีความรู้เดิมกันมาอย่างมากมาย สิ่งนี้จึงต้องอาศัยเหตุผล มาพิจารณาให้เห็นจริง เพื่อหักล้างความคิดเดิมของตน
และดูผลจากการกระทำนั้นๆ ว่าผลเป็นเช่นไร
สิ่งนี้จึงเป็นเหตุที่ต้องมีการบังคับให้ฟังคำสอน เพื่อให้นำไปเป็นเหตุเป็นผลพิจารณาหักล้างความคิดเดิมของเราท่านนั่นเอง เมื่อไม่ฟัง ก็ไม่เกิดพิจารณา ก็ขาดน้ำหนักที่จะหันเหให้เดินไปตามที่หลวงพ่อนิพนธ์กำลังจูงให้ไปยืนในที่ปลอดภัยนั่นเอง
อันหมายความว่า ท่านกำลังสะบัดมือหนีจากผู้ที่จะนำไปยังที่ปลอดภัย เราท่านจึงหลงทาง เหมือนเดินวนในอ่าง สิ่งที่เป็น ก็เลยไม่สามารถแก้ได้ หรือ ทำได้ยาก
คำตอบที่จะตอบคำถามที่มีต่อวิทยากร ว่า หายไหม หายแน่หรือ จึงกลายเป็นคำถามที่ต้องย้อนกลับไปหายังตัวเราท่านว่า "มือของเรา จับอยู่กับใคร ใช่หลวงพ่อนิพนธ์หรือไม่ นั่นเอง"