เมื่อทุกสิ่งล้วนต้องมีค่าในตัว แม้แต่ขยะยังต้องถูกนำมาแยกแยะ และรีไซเคิล ให้เกิดประโยชน์ ดังกล่าวที่ว่า "โลกนี้ต้องไม่มีอะไรที่ไร้คุณค่า" หากสิ่งใดไร้คุณค่า ก็ไม่มีใครที่จะเหลือบตามอง หรือให้ความสนใจ
สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจไม่คิด แต่เราคิดว่าในไม่ช้ามันจะอุบัติ เมื่อสภาวะความรุนแรงของการแข่งขันเพื่อดำรงอยู่ในโลกนี้สูงขึ้น จนคนบางกลุ่ม เริ่มจะคิดว่า มนุษย์ที่ทำอะไรไม่ได้ หรือเรียกว่าขยะมนุษย์ ที่เขาคิดว่า เป็นผู้ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชน หรือ กลุ่มของพวกเขา ซ้ำยังต้องหารายได้ มาเป็นค่าใช้จ่าย เพื่อคนกลุ่มนี้อีก
เมื่อวันนั้นมาถึง อาจมีข้อเรียกร้องต่อรัฐ ที่จะต้องนำคนที่ไม่ก่อเกิดรายได้ หรือคนเจ็บคนป่วย ไปกักกันในสถานที่ใดที่หนึ่ง ดังเช่นในภาพยนต์หลายๆเรื่องก็เป็นได้
ด้วยเหตุที่ถึงที่สุดแล้ว ก็หนีความจริงไม่พ้นว่า วิทยาการของมนุษย์ที่คิดว่าล้ำเลิศ ก้าวไกลถึงอวกาศ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของมนุษย์ อันเป็นปัญหาพื้นฐานทั่วไป นั่นคือ "โรค" ได้นั่นเอง
หากคิดว่าเรื่องนี้ไกล และไม่มีวันเป็นจริง ก็ลองมองอเมริกา ประเทศที่กำลังมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เกินกว่าครึ่งของงบประมาณแผ่นดินนั้นแล
นับวัน ขยะมนุษย์เริ่มจะมากขึ้น ภาพที่สะท้อนให้เห็นเด่นชัด คือ การนำคนแก่ไปทิ้งในบ้านพักคนชรา การนำคนป่วยไปทิ้งที่วัด หรือสถานที่รัฐจัดไว้ให้ เพิ่มมากขึ้นอย่างน่าใจหาย
ทางเลือกสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน ที่หลวงพ่อนิพนธ์นำมา จึงเป็นช่องทางเล็กๆ ที่จะทำให้ขยะมนุษย์เหล่านี้ มีโอกาสกลับไปเป็นคนปกติธรรมดาได้อีกครั้ง
ผู้ทื่มีมานะ ขันติ อดทน ทำตนจนสำเร็จ ได้เป็นตัวอย่างแก่คนที่เดินตาม ว่า ทางสายนี้เป็นไปได้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า คนเหล่านั้น ย่อมทำตนเฉกเช่น "พระมาลัยโปรดสัตว์"
การกระทำของเราท่าน ที่พยายามช่วยตน ด้วยหลักตนพึ่งตนนั้น จึงไม่ได้จบแค่ตัวตนของคนเพียงคนเดียว หากแต่หมายถึง คนรอบข้าง และคลื่นมหาชนที่กำลังจะเดินตามมาอีกด้วย มันจึงมีความหมาย และเรียกได้ว่า ผู้ทำได้ ย่อมเป็นผลงานชิ้นเอก ที่มีค่า มากยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในโลก จึงเรียกได้ว่า "ปฏิมากรรมชีวิต" อันจะเป็นทางที่ให้ พลเมืองชั้นสอง ได้กลับมามีคุณค่าอีกครั้ง