ภาพเด็กนั่งรถเข็น ดูไปก็ธรรมดา ไม่เห็นน่าจะแปลกอันใด
หากแต่ใครที่ได้เห็นเด็กสาวผู้นี้ และพี่ของเธอ ซึ่งป่วยเป็นโรคกรรมพันธุ์อย่างหนึ่ง จากเด็กปกติในวัยเด็ก และเริ่มมีอาการเมื่อย่างเข้าสู่วันประมาณ ๖ ขวบ อาการดังกล่าวก็ปรากฎ
นั่นคือ ร่างกายจะเริ่มปรากฎอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้เริ่มที่จะช่วยตนเองไม่ได้ แม้กระทั่งเดิน
เมื่อความเลวร้ายอย่างสุดๆ ปรากฎให้เห็น น้องก็ไม่สามารถแม้จะนั่งทรงตัวอยู่ได้อย่างคนธรรมดาทั่วไป
ภาพของน้องที่ปรากฎที่ชมรมคนรักสุขภาพ นั่นคือ การที่นั่งรถเข็น พร้อมกับตัวเอียงล้มลง เพราะไม่สามารถทรงตัวตั้งตรงอย่างคนธรรมดาได้ และมีอาการน้ำลายไหลตลอด เพราะไม่สามารถบังคับกล้ามเนื้อปริเวณปากได้
นับแต่อาการของน้อง ทั้งสองเริ่มปรากฎ พ่อแม่ ก็พาตระเวนไปหาหมอที่เชี่ยวชาญ จนท้ายสุดวิธีที่ใช้ คือ การปลูกถ่าย stem cell
เวลาผ่านไป พร้อมความทุกข์ใจของพ่อแม่น้องทั้งสอง เพราะอาการมีแต่ทรุดลง จนท้ายที่สุดแม้จะทรงตัวนั่งตรงบนรถเข็นยังทำไม่ได้
ภาพธรรมดาของเด็กนั่งตัวตรงนี้ จึงธรรมดาสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับพ่อแม่ของน้องทั้งสอง นี่คือปาฏิหารย์ที่สัมผัสได้จริง
รอยยิ้มของผู้เป็นแม่ ปรากฎขึ้นเริ่มจากวันที่น้องแย่งตุ๊กตาจากมือผู้เป็นแม่ อันก่อให้เกิดประกายความหวังในการรักษา เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา น้องจะไม่สามารถแม้กระทั่งถือชาม หรือมีแรงฝืนยึดดึงสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น
ผ่านไปเกือบครึ่งปี น้องเริ่มกลับมานั่งตัวตรงได้ ทำให้ผู้เป็นพ่อแม่ รู้ดีว่า เส้นทางที่เดินมาถูกต้องแล้ว
หากแต่ผู้เป็นพ่อแม่ ได้เรียนรู้ว่า การให้สุขผู้อื่น ย่อมได้รับสุขคืนกลับมา เป็นที่ประจักษ์ ใครจะเชื่อว่า พ่อแม่ของน้องทั้งสอง ที่เรียกได้ว่าผู้มีอันจะกินเช่นกัน ณ วันนี้ เขาทั้งสองเป็นผู้ดูแลห้องน้ำ ขัดถู ให้แก่เพื่อนสมาชิกของชมรมคนรักสุขภาพ ด้วยความเต็มใจในสิ่งที่ทำ
เป็นอีกตำนานบทหนึ่ง ของผู้ที่ได้รู้ว่าหนทางแห่งสุขที่แม่ชีเมี้ยนให้หลวงพ่อนิพนธ์นำมาสอน เขาทำกันอย่างไร
เรียนให้รู้ เมื่อรู้แล้วอยากได้ "ต้องทำเอง" เพราะผู้ทำได้คือผู้ที่จะประสพผลไม่ว่าสิ่งที่เป็นอยู่จะเลวร้ายสักฉันใด อันสะท้อนให้เห็นสัจจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ว่า "ธรรมย่อมชนะกรรม"
เรื่องของชีวิต ไม่ใช่ได้มาด้วยเงิน ......
เรื่องของชีวิต ไม่ใช่ได้มาด้วยการขอ ....
เรื่องของชีวิต อยากได้ "ต้องทำเอง" ... ด้วยธรรมที่พระภูมีทิ้งไว้ให้ ในหมวด "ตนพึ่งตน" นั้นแล ................