วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

มูลเหตุที่มาของสมุนไพร

แม่ชีเมี้ยนได้ตรัสว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบ อันเป็นสัจจธรรมแห่งชีวิต นั่นคือ ทุกสรรพสัตว์ล้วนแล้วแต่มีรากฐานที่มา จากธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ในการอุบัติก่อเกิดเป็นสังขาร

หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักกล่าวเสมอมาในประเด็นนี้ว่า เมื่อเรายังไม่พ้นเวียนว่ายตายเกิด นั่นคือ เราต้องเกิด เมื่อเราเกิด จึงต้องยืมธาตุทั้งสี่ มาก่อกำเนิดเป็นสังขารให้วิญญาณเรา

ดังนั้น จึงเป็นความรับผิดชอบของเราท่าน ที่เมื่อยืมเขามา ก็ต้องใช้คืน

ประเด็นปัญหาของเราท่านก็คือ การคืนนั่นเอง หากผู้ยืมนำมาใช้ จนธาตุในกายป่วนปั่น ไม่เพียงก่อให้เกิดทุกข์ คือการเป็นโรคในชาตินี้เพียงเท่านั้น

สิ่งที่ตามมาเพราะเรายังต้องเกิด นั่นคือ สังขารใหม่ที่เราจะได้ใช้ให้วิญญาณเราอาศัยในพบหน้า ย่อมต้องมีการวิบัติเฉกเช่นเดียวกัน พูดง่ายๆภาษาทั่วไป นั่นคือ กรรมพันธุ์ ซึ่งก็คือโรคที่ติดตัวเราไปตั้งแต่เกิดนั่นเอง หรือร้ายกว่านั้น ก็คือ การได้สังขารที่ไม่ครบ

ด้วยเหตุนี้ ด้วยความเมตตาของพระภูมี ต่อสรรพสัตว์ ที่ยังไม่คิดหลุดพ้นนิพพาน จึงมีช่องให้เดินอีกช่อง อันจะทำให้อยู่ในโลกนี้ได้อย่างเป็นสุข เรียกสิ่งนี้ว่า "มนุษย์สมบัติ" นั่นคือ สิ่งที่พระภูมีทรงตรัสว่าเป็นลาภที่แท้จริง คือ ความไม่มีโรคนั่นเอง

เมื่อมนุษย์ได้มาพบพระพุทธเจ้า จึงได้รับธรรมหมวดหนึ่ง นั่นคือ หมวดสมุนไพร ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติขึ้น เพื่อที่จะทำการสังคยานา ธาตุทั้งสี่ของร่างกาย ให้ได้สัดส่วน นั่นเอง

ดังนั้น คำอธิษฐาน ที่ใช้กันมาตั้งแต่ดั่งเดิม ในสมัยถ้ำกระบอก ไม่ใช่การขอให้หาย หากแต่เมื่อจรดสมุนไพร ระลึกคุณแล้ว คือ "ขออำนาจสมุนไพรปรุงแต่งธาตุทั้งสี่ของข้าพเจ้าให้ได้สัดส่วนด้วยเทอญ"

ด้วยมูลเหตุที่โรคมีที่มาจากกรรม ธรรมหมวดสมุนไพร ได้ถูกบัญญัติขึ้นเพื่อที่จะให้มนุษย์ได้คลายทุกข์จากโรค และกลับมามีสติ มีความสามารถในการทำความดีได้

สมุนไพร จึงบัญญัติแลมีอำนาจเพียงแค่รักษาโรค

แต่ประเด็นที่สำคัญกว่านั้น ที่พระพุทธเจ้าทรงสอน แม่ชีเมี้ยนได้ชีให้เห็นว่า นั่นคือ "กรรม" ที่เราทำมา อันเป็นมูลเหตุแห่งทุกข์

การหายโรคจึงไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายในการใช้แนวทางสมุนไพร ตราบใดที่กรรมอันเป็นต้นกำเนิดยังอยู่ แม้หายจากโรคหนึ่ง ก็ไปเป็นอีกโรคหนึ่งได้ ดั่งคำกล่าวที่หลวงพ่อนิพนธ์มักพูดเสมอว่า อุปมา หนีเสือปะจรเข้ นั่นเอง

การเดิน เมื่อเดิน ก็ต้องเดินให้สุดราว จนข้ามพ้นถึงพื้นดิน ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า พระภูมีจึงให้ธรรมคำสอน เพื่อปฏิบัติ นำมาหนีกรรมที่ทำมา

เราจึงไม่แปลกใจ ที่หลายคนเมื่อหายโรคก็ย่ามใจ ท้ายที่สุดก็จบลงด้วยการเสียชีวิต มามากมาย ด้วยเหตุที่รับแต่สมุนไพร ไม่รับธรรมไปปฏิบัตินั่นเอง

หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า หากการแก้ปัญหาจบที่สมุนไพร ก็คงไม่ต้องลำบากพูดอย่างทุกวันนี้ และคงไม่ต้องให้คนป่วยลำบากสวดมนต์ มาทำตนเป็นพระเวสสันดร จิตอาสา ให้เสียเวลา

ถ้ามันจบแค่นั้น ท่านก็คงทำสมุนไพร ใส่รถคอนเทนเนอร์ไปแจกให้ตามบ้านแล้ว ไม่ต้องมายุ่งยากลำบากทุกคนอย่างนี้

เมื่อผลสัมฤทธิ์ ต้องมีทั้งสองขา สมุนไพรจึงเป็นบันได้ขั้นแรก ที่จะทำให้คน กลับมามีความสามารถในการทำความดี หรือ ฟังธรรมแล้วนำไปปฏิบัติได้

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงมักย้ำว่า ธรรมของพระภูมี ต่างหาก ที่สร้างความปลอดภัย ให้ชีวิต สมุนไพรเป็นเพียงบันไดที่ทอดให้มาถึงธรรม เพราะเหตุที่คนที่กำลังเจ็บ กำลังป่วย คงไม่มีจิดใจ และสมาธิ เพื่อฟังธรรม แล้วนำไปปฏิบัติเพื่อช่้วยตน

ด้วยเหตุนี้ เราท่านจึงเห็นได้ว่า สมุนไพร มีอำนาจจำกัด เป็นเครื่องช่วยให้ทุกคนมีโอกาส ได้สัมผัสธรรม และปฏิบัติ


โดยสรุปความ หลวงพ่อนิพนธ์ จึงชี้ให้เห็นว่า สมุนไพร มีหน้าที่สังคยานา ธาตุทั้งสี่ ให้กลับมาสมดุลย์ แลเหตุที่จะทำให้ธาตุกลับไปแปรปรวนอีกครั้ง คือ กรรม จึงต้องปฏิบัติธรรม เพื่อล้างต้นเหตุนั้นเสีย

การทานสมุนไพร จึงใช้ได้กับทุกคน ไม่สนว่าเป็นโรคใด แลแม้กับสรรพสัตว์ ก็ด้วยเหตุรากฐานที่มาของกาย นั่นคือ ธาตุทั้งสี่นี่เอง

การทานสมุนไพร และปฏิบัติธรรม จึงไม่เพียงแต่ยังผลในชาตินี้ แม้ในชาติหน้า ก็ยังผลด้วย เพราะเราท่านได้คืนสังขารที่ครบถ้วนบริบูรณ์ ดั่งตอนที่ยืมมานั่นเอง สังขารใหม่ที่ได้ย่อมบริบูรณ์ ที่สำคัญ ปราศจากโรคภัย พระภูมี จึงตรัสว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ก็เพราะสามารถติดตามเราไปทุกภพทุกชาติ นั่นเอง

ด้วยเหตุที่มา ของสมุนไพร มาจากคนมีคุณธรรม คือพระภูมี แลสมุนไพร ฟ้าดิน เสกสรรให้ มีฤทธิ์มีวิญญาณ มีสรรพคุณ ก็ต่อเมื่อ ผู้รู้ ผู้ทำ ผู้กิน พึงต้องตั้งอยู่บนฐานของคุณธรรม เช่นเดียวกัน

แม่ชีเมี้ยน จึงกล่าวว่า พหูสูตรสมุนไพรของพระพุทธเจ้า ให้คุณมหาศาล กระนั้นก็ตาม ท่านก็สาปไว้มหาศาลเฉกเช่นเดียวกัน ผู้ใดนำไปใช้หาผลประโยชน์ จึงฉิบหายแน่ แลผู้ที่ไม่เรียนรู้ และปฏิบัติธรรม ตามคำสอน ก็ย่อมหาผลสำเร็จไม่ได้เช่นเดียวกัน

สิ่งนี้ทำให้เรานึกถึงคำพูดของ สมาชิกสองท่านที่พูดให้เราฟังว่า ผมมาได้ห้าปีแล้ว อาการไม่สาหัสเท่าใด ยังไม่หายเลย แต่ผมพาเพื่อนผม ที่เป็นมะเร็งตับ ตัวเหลือง ท้องโต หมอให้นับวัน ผ่านไปสองปี เพื่อนผมหายเป็นปกติ

คิดไปคิดมา ว่าผมกับเพื่อนต่างกันอย่างไร ก็คงเป็นเพราะผมยังอาการไม่หนัก จึงไม่เน้น ในขณะที่เพื่อนอยากหาย จึงทำตามที่หลวงพ่อนิพนธ์บอกทุกอย่าง นั่นเอง


ดังน้้นเป้าหมายสุดท้ายของเส้นทางสายนี้ คือ การเป็นคนดี ที่น้อมนำธรรมคำสอนไปเป็นที่พึ่งของชีวิต เพราะการหายจากโรค เป็นเพียงบันไดขั้นแรก ที่ทำให้เรามีโอกาส ทำความดีนั่นเอง หาใช่ที่สุดไม่

ด้วยเหตุนี้แล ที่พระภูมีทรงให้โอกาสทุกคน ได้มีโอกาสมาฟังและรับธรรมไปปฏิบัติ ไม่ว่าโรคใดจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ

อุปสรรคใหญ่ จึงไม่ใช่โรค หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักพูกกระเซ้าบ่อยๆว่า " โรคใหญ่แค่ไหนของท่านเราไม่เคยกลัว แต่เรากลังนิสัยของท่าน ที่ไม่เอาเหตุเอาผล ไม่เรียนรู้ แล้วรับธรรมไปปฏิบัติ นี่สิน่ากลัว "

เมื่อพิจารณาจะเห็นว่า ทำไมหลวงพ่อนิพนธ์ต้องพูด ต้องสอน เราท่านทุกครั้ง และการสงบ ตั้งสติ ตั้งใจฟัง น้อมนำรับธรรมไปปฏิบัติ มีคุณค่ามหาศาลเพียงใด

เมื่อเข้าใจถ่องแท้ เราจะเห็นคุณของแม่ชีเมี้ยน คุณของพระพุทธเจ้า และคุณของสมุนไพร ที่หลวงพ่อนิพนธ์นำมา ว่ามีค่ามหาศาลเพียงใด

เราจึงกล่าวได้เต็มปากเต็มคำว่า " นี่คือของจริง เพราะทุกส่วนล้วนแล้วเดิมพันกันด้วยชีวิตทั้งสิ้น ทำถูกผลถูกเกิด ทำผิดผลผิดเกิด " ดั่งที่แม่ชีเมี้ยนได้ให้สติหลวงพ่อนิพนธ์ไว้เมื่อครั้งเรียนสมุนไพรว่า "ทำถูกก็เป็นบุญเลี้ยงชีวิต ทำผิดฉิบหายแน่ ดูพี่ชายเอ็งเป็นตัวอยาง "

สติที่หลวงพ่อนิพนธ์ให้พึงระลึก คือ " การหายโรค ยังไม่ปลอดภัย การหายกรรมต่างหากที่ทำให้ชีวิตเราปลอดภัย "

จึงไม่แปลกที่หลวงพ่อนิพนธ์พูดเหมือนพูดเล่นว่า " แม้เพียงนิสัยพระเวสสันดร ที่ดูน้อยนิด ก็ทำให้หายโรคได้ เชื่อหรือไม่ "

นี่แหละบทพิสูจน์อำนาจธรรม "ให้สุขแก่ท่านสุขนั้นถึงตัว"

แม้ผู้ทาน ได้ทำตาม หากแต่ไม่ทันกาล ต้องมีอันเสียชีวิต หลวงพ่อนิพนธ์ ก็กล่าวว่า เรียกได้ว่าประสพผลแล้วเช่นกัน เพราะไม่ได้ตายด้วยโรค เพราะถ้าตายด้วยโรค ต้องทรมานจนตาย หากแต่คนที่เชื่อ และทำตาม แม้ตาย ก็ตายสบาย นั่นเรียกว่าตายด้วยอายุขัย ตายสงบ มีสติ .....

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44