ศัพท์ใหม่ ที่กำลังก้าวเข้ามาในชีวิตคน อันหมายถึง การแพทย์ที่ใช้ธรรมชาติร่วมในการรักษา
ด้วยผลสืบเนื่องมาจาก การค้นคว้าวิจัย ทำให้โลกในส่วนที่เป็นต้นกำเนิดวิชาแพทย์ ประจักษ์แล้วว่า ยาเคมี มีความอันตรายมากเพียงใด และพบความจริงที่ว่า พวกเขาไม่สามารถรักษาโรคใดๆ ได้เลย
ด้วยเหตุนี้ วงการแพทย์ จึงเบนเข็มจุดประสงค์ จากการรักษา มาเป็น การหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี เพื่อให้ผลจากอาการข้างเคียงน้อยที่สุด โดยอาศัยสารจากธรรมชาติ หรือสมุนไพร นำมาใช้แทนสารเคมี นั่นเอง อันจะทำให้ผู้ป่วยสามารถมีชีวิตยืนยาวได้มากขึ้น แม้จะไม่สามารถรักษาได้ก็ตาม
ด้วยความที่ยังไม่สามารถเข้าถึงศาสตร์ของสมุนไพร นักวิชาการเหล่านั้น เมื่อค้นพบว่าสารจากสมุนไพรชนิดใด มีคุณค่า ก็นำมาสกัด แล้วนำไปใช้ แต่ผลที่ได้ก็ไม่ประสพผลมากนัก
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า แม้นักวิชาการเหล่านั้น รู้ค่าของสมุนไพร แต่เขาไม่รู้ว่า คุณค่าของสมุนไพรนั้น ไม่สามารถสกัดแล้วนำไปใช้ได้ ต้องใช้ในสถานะสมุนไพรสด ยิ่งไปกว่านั้น สารในสมุนไพรหนึ่งๆ นั้น ไม่สามารถมีฤทธิ์ได้โดยลำพังตัวเอง ด้องนำมารวมกับสารในสมุนไพรชนิดอื่นจึงทำงานได้
หลวงพ่อนิพนธ์จึงยกตัวอย่าง คนส่วนใหญ่รู้ว่า "ขิง" มีคุณสมบัติในการรักษาโรคลมได้ แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำให้สารในขิงทำงานได้โดยวิธีใด จึงมีสรรพคุณในการรักษาโรคลม
การสกัดสารจากขิง หรือทานขิง ก็ไม่สามารถทำให้รักษาโรคลมได้ โดยเฉพาะการสกัดสารจากสมุนไพร จะเป็นการทำลายคุณค่าของสมุนไพรลงแทบจะทั้งหมด
คนมากมาย พยายามเพียรหาสูตร เพื่อให้ได้มาซึ่งการรักษาโรค แต่ก็ไม่ประสพผลสำเร็จ
ดูตัวอย่างประเทศจีน แม้จะมีสมุนไพรมากมาย ก็ไร้ค่า เพราะไม่มีผู้ใดรู้สูตรนั่นเอง หากจะลองผิดลองถูก ก็คงต้องใช้ชีวิตคน เป็นหนูลองยา มากมาย และไม่มีคำตอบว่าจะเจอ แม้แต่สักสูตรหนึ่ง
ในขณะที่สูตรของแม่ชีเมี้ยนนำมาให้ ท่านกล่าวว่า ไม่ใช่ท่านเป็นผู้คิด แต่เป็นของพระภูมี ท่านเป็นผู้ตรัสรู้ มีอยู่แล้ว ท่านเป็นเพียงแต่เป็นผู้รู้ ผู้เห็น แล้วนำมาให้เท่านั้นเอง
ดังนั้น เมื่อครั้งในอดีต เมื่อมีคนป่วยมา พระก็เข้าไปถามแม่ชีเมี้ยน ท่านก็ตอบมาให้จดในทันทีทันใด และสามารถนำไปใช้ได้เลย
การผ่านมาจนทุกวันนี้ สูตรสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยนที่ให้หลวงพ่อนิพนธ์มา มีกว่าสี่สิบสูตร ถูกนำมาใช้แค่ครึ่งเดียว ก็สร้างความฮือฮาแล้ว
แค่ยาหยอดตา เพียงอย่างเดียว บริษัทโอสถสภา และบริษัทจีน ได้เคยนำไปตรวจสอบ และเคยยื่นข้อเสนอ ให้เงินล่วงหน้า ค่าสูตรถึงร้อยล้านบาท พร้อมส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์ตามยอดจำหน่าย แก่หลวงพ่อนิพนธ์มาแล้ว
ในขณะที่วิชาการ หรือ เทคโนโลยี ของโลก ก้าวไกล จนประเทศไทย จัดว่าอยู่ในโซนล้าหลังก็ว่าได้ แต่กับเรื่องการรักษาโรคและสมุนไพรแล้ว หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า วิชาการของคนเหล่านั้น ความรู้ที่มี นับว่ายังห่างไกลจากความรู้ที่แม่ชีเมี้ยน ถ่ายทอดให้ มากนัก
วันนี้ วิชาการเหล่านั้นเริ่มถึงทางตัน กำลังเบนเข็มเข้าหาธรรมชาติ หรือ สมุนไพร วันใดที่เขาเดินทางมาถึง และได้พบ พร้อมกับไปสืบประวัติศาสตร์ในอดีต นับตั้งแต่ยุคถ้ำกระบอก วันนั้น สมุนไพรจะดังจนฉุดไม่อยู่
วันนี้ คนแค่ไม่กี่พันคน ก็มีเสียงสะท้อนว่ารอนาน แต่ถ้าถึงวันนั้น ไม่รู้ว่า กว่าจะถึงคิวเราท่านในแต่ละรอบ ต้องใช้เวลาสักเท่าใด
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า เมื่อมีโอกาส ก็รีบทาน รีบปฏิบัติตามพระภูมี เปลี่ยนตนเป็นคนดี แล้วรีบหาย ซะ
ถึงตอนนั้น แค่เห็นเลขคิว ก็เข่าอ่อนแล้ว......