กระบวนการรับความช่วยเหลือจากภายนอก จึงได้ทยอยกันถูกปิดลงไปเรื่อยๆ จนหมด สิ่งที่เหลือคือ การพึ่งพากันเอง ระหว่างหลวงพ่อนิพนธ์กับคนที่มา อุปมาหมูไปไก่มา
คนมานำพาวัตถุดิบมาให้ หลวงพ่อนิพนธ์ ก็ปรุงให้แลแจกให้เป็นทานแก่คนทั่วไป จะเรียกอีกอย่างก็ได้ว่า "น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า"
หากแต่การช่วยเหลือจากภายนอก ใช่ว่าประเทศนี้จะแล้งน้ำใจไปเสียหมด แต่คนเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนร่วม หรือ มาทานสมุนไพรแต่อย่างใด การรับจากบุคคลเหล่านั้นหลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า ไม่ได้อยู่ในครรลองของพระภูมี
อาทิเช่น รองประธานของบริษัท เบทาโกร หนึ่งในยักษ์ใหญ่วงการอาหารสัตว์ และธุรกิจในเครืออีกมากมาย ได้ยินได้ฟังเพื่อนฝูงที่มาใช้บริการของชมรมคนรักสุขภาพ ก็อยากได้มาเห็นมาสัมผัส
เมื่อเห็นแล้ว ก็คาดไม่ถึงว่าประเทศไทยจะมีสถานที่แบบนี้ จึงมีความนิยมชมชอบ ใคร่อยากจะเป็นผู้อุปถัมภ์หลักของชมรมคนรักสุขภาพ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด
หลวงพ่อนิพนธ์ได้กล่าวปฏิเสธ แลให้เหตุผลว่า หลักของพระภูมี เป็นทางสายกลาง ทุกคนจึงทำได้ ไม่ใช่พึ่งพาผู้หนึ่งผู้ใด อุปมาการสร้างเจดีย์ อาศัยซึ่งเม็ดทราย หาใช่หินก้อนเดียว
สถานที่นี้เปรียบเสมือนแหล่งบุญ คนที่มาไม่ว่ายากดีมีจน มีสิทธิ์เท่ากัน สามารถสร้างบุญในแหล่งนี้ได้เท่าเทียมกัน
ด้วยเหตุนี้ การร่วมด้วยช่วยกัน จึงต้องเกิดจากสมาชิก ที่ช่วยกันกินข้าวแกง ซื้อน้ำ หรือนำสมุนไพรมาร่วมลงขัน กันคนละเล็กละน้อย หิ้วมะพร้าว มะกรูด มะนาว มาวางไว้ เพื่อให้หลวงพ่อนิพนธ์นำไปปรุงแต่ง
คนที่นำมาเกินกว่าที่รับไป ส่วนเกินนั้นก็ถือว่าเป็นทาน คนที่ยากจนที่สุด ก็สามารถร่วมได้ จากการซื้อน้ำ แลกำไรจากน้ำแม้เพียงขวดเดียว ก็อุปมา น้ำหยดหนึ่งที่รวมเข้าด้วยกันในถัง เมื่อมากคน ก็สามารถนำไปทำประโยชน์ได้ ดั่งทรายก่อเจดีย์นั่นเอง
หากแต่เป็นที่น่าเสียดาย คนนอกอย่างรองประธานกลับมองเห็น ในขณะที่คนในมองไม่เห็น ความร่วมมือจึงยังไม่พึงบังเกิด สภาพที่เห็นได้ชัด ชมรมคนรักสุขภาพ ถึงแม้จะขายน้ำ แต่ขวดจากน้ำกินนั้น ก็หาได้กลับมายังชมรม เพื่อที่จะนำไปบรรจุสมุนไพร ไม่
เราท่านจึงเห็น ชมรมฯ ต้องนำถุงมาบรรจุให้ ซึ่งก่อให้เกิดการแตก เสียหาย อันเป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่ที่เสียดายยิ่งกว่า คือ นิสัย และจิตใจ ที่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า เป็นองค์ประกอบสำคัญ ในการรักษาตน
ท่านจึงให้สติว่า เราทำน้ำ เพื่อให้ท่านซื้อ ส่วนหนึ่งคือกำไรจากน้ำที่ท่านซื้อ เรานำไปซื้อสมุนไพร หากแต่น้ำที่ท่านนำไปดื่ม มีไว้เพื่อเป็นสติ ให้พึงระลึกถึงผู้อื่น แลเพื่อให้สุขแก่ผู้อื่น
ผู้มีสติ จะใช้วิธีการรินน้ำออก ไม่ใช้ปากดื่ม เมื่อหมด ก็มีสติ เราจะเก็บขวดนี้ไว้ เพื่อนำกลับไปให้ชมรม ใช้กรอกสมุนไพร เพื่อแจกจ่าย
ไม่เพียงจะสามารถประหยัดเงินที่ต้องนำไปซื้อสมุนไพร แต่ต้องกลับมาซื้อขวด ยังทำให้ไม่เกิดการเสียหายจากการแตกของถุง ที่สำคัญ สติที่ได้ นิสัยที่เกิด นี้แหละ จะเป็นตัวช่วยให้สมุนไพรมีฤทธิ์มากยิ่งขึ้น
ก็ สมุนไพรอุปมาเหมือนปืน ธรรมวินัยเหมือนกระสุน
พฤติกรรมที่ท่านให้สติ ก็คือธรรมวินัย ที่จะก่อให้เกิดกระสุนนั่นเอง
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า ใครเชื่อเรา ลองทำดู แล้วดูผล
หากพ้นจากม่าน กรรมบังตานี้แล้วไซร้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวอย่างมั่นใจว่า ชมรมของเราก็จะยืนอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ต้องพึ่งคนภายนอก แลเดินตามรอยของพระภูมีอย่างถูกต้อง ผลที่เกิดก็จะประมาณมิได้
ภาพคนถือสมุนไพรใส่ถุง ก็จะไม่เห็น ภาพการได้สมุนไพรไม่ครบก็ไม่มี ที่สำคัญ ที่หลวงพ่อนิพนธ์อยากเห็น คนที่จนที่สุด ก็สามารถมีส่วนร่วมเป็นน้ำหยดหนึ่ง ได้ และสามารถได้ชื่อว่า เดินตามรอยพระเวสสันดร เป็นผู้ให้ได้
ไม่ใช่ชมรมขอทาน แบมือขอผู้อื่น ร่ำไป ไม่คิดเดินได้ด้วยตัวเอง ท้ายที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น ชูชก กินไปกินมา ท้องแตกตาย
เราท่านคงไม่มีทางหายโรค ด้วยนิสัยชูชกเป็นแน่แท้
ท่านจึงทิ้งท้ายไว้ว่า "ถ้าเราทำให้สิ่งนี้เกิดไม่ได้ เราจะไม่ยอมแบมือขอคนนอกอย่างแน่นอน เรายอมปิดสำนักเสียยังดีกว่า เหลือคนที่เดินตามเรากลุ่มเล็กๆ ก็พอใจแล้ว"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น