ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555
บอกหรือปกปิด กันแน่
พบสเตียรอยด์ระบาดหนักในยาแผนโบราณ-อาหารเสริม ผนึกเครือข่ายศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์-ชมรมเภสัชชนบท อย.หามาตรการป้องกัน เร่งพัฒนาระบบเฝ้าระวังการกระจายสเตียรอยด์ เตือนผู้บริโภคระวังตกเป็นเหยื่อไม่รู้ตัว เสี่ยงตายหากใช้ต่อเนื่อง
วันนี้ (19 มี.ค.) ที่โรงแรมเดอะทวินทาวเวอร์ ผศ.ดร.ยุพดี ศิริสินสุข รองผู้จัดการแผนงานพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.) กล่าวในงานเสวนาเรื่อง “สภาพปัญหาและผลกระทบทางสุขภาพที่เกิดจากการใช้สเตียรอยด์ ” ว่า ปัจจุบันการใช้ยาของผู้บริโภค มีทางเลือกที่หลากหลาย ซึ่งยาแผนโบราณถือว่าได้รับความนิยมมากขึ้น และมีการผลิตออกมาจำหน่ายจำนวนมาก โดยผู้บริโภคจำนวนหนึ่ง เห็นว่า ยาแผนโบราณน่าจะมีความปลอดภัยมากกว่ายาแผนปัจจุบัน แต่สิ่งที่ผู้บริโภคยังไม่ตระหนัก คือ สารปลอมปนในยาแผนโบราณ โดยเฉพาะยาที่ไม่ได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือแม้กระทั่งยาสมุนไพรชนิดที่ขึ้นทะเบียนเป็นยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณก็มีการปลอมปนเช่นกัน
“ การพัฒนาระบบเฝ้าระวังการกระจายสารสเตียรอยด์ในยา ถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ชมรมเภสัชชนบท เครือข่ายศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เครือข่ายสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เครือข่ายภาคประชาชน จะร่วมหารือกับ อย.เพื่อร่วมสร้างระบบเฝ้าระวังการกระจายสารสเตียรอยด์ ให้มีความเข้มแข็งขึ้น เพื่อป้องกันการนำสารสเตียรอยด์เติมลงในยาอย่างไม่มีการควบคุม ” ผศ.ดร.ยุพดี กล่าว
น.ส.จารุวรรณ ลิ้มสัจจะสกุล ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 4 จังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า จากโครงการเฝ้าระวังคุณภาพยาที่มีส่วนผสมของสมุนไพร ระหว่างปี 2548-2552 ได้ตรวจตัวอย่างยาสมุนไพรทั้งหมด 626 ตัวอย่าง พบว่า
ในปี 2548 มียาที่มีการปลอมปนสารสเตียรอยด์ อยู่ที่ 30.5%
ปี 2549 อยู่ที่ 41.8%
ปี 2550 อยู่ที่ 40.8%
ปี 2551 อยู่ที่ 18.7% และ
ปี 2552 ลดลงอยู่ที่ 12.7%
ทั้งนี้ สารสเตียรอยด์ ถือเป็นยาควบคุมพิเศษที่มีอันตรายสูง มักพบการเติมลงในยาแผนโบราณ ประเภท ยาลูกกลอน และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จำหน่ายทั่วไป ซึ่งหากประชาชนรับประทานยาแผนโบราณดังกล่าว ที่มีการปนเปื้อนของสารสเตียรอยด์ จะส่งผลเสียต่อร่างกายคือ ทำให้กระเพาะอาหารทะลุ กระดูกพรุน กล้ามเนื้ออ่อนแรง เกิดการสะสมไขมันผิดที่ และไตวาย เป็นต้น
เราอยากจะบอกว่า การกล่าวอย่างนี้ ไม่มีประโยชน์กับผู้ใดเลย อย่าทำให้เสียงบประมาณแผ่นดินเลย เพราะเห็นได้ชัดว่า ทำเพื่อจุดประสงค์ใด
ถ้าเสียงเราดังถึงท่าน ไม่ว่าวิธีใด เราขอให้ท่านที่ทำงานดังกล่าว กรุณาให้ข้อมูลที่เด่นชัด ว่า สมุนไพรที่ตรวจพบดังกล่าว มีชื่อยี่ห้ออะไร ใครผลิต ใครเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นไปได้ ให้สถานีโทรทัศน์ประกาศออกเลยได้ยิ่งดี จะมีประโยชน์แก่พี่น้องชาวไทยมาก
พี่น้องชาวไทย จะได้เลือกใช้ และปลอดภัย แต่หากกล่าวเช่นนี้ ย่อมยากที่จะเลี่ยงว่า ทำเพื่อรับใช้ต่างชาติพ้นไม่ เพราะหากตรวจจริงแล้ว ก็จะพบว่า ยาเคมีที่ผสมเสตียรอยด์ มีขายดาษดื่นในประเทศเฉกเช่นเดียวกัน
เราหวังว่า วันหนึ่ง คนเหล่านี้ จะใช้สำนึกของคุณธรรมที่มี กล้าที่จะพูดความจริง กล้าที่จะทำสิ่งที่ถูก เพื่อพี่น้องชาวไทยเรา ไม่ต้องหลงเชื่อโฆษณา แล้วไปซื้อหามารับประทาน ไม่ต้องเสียเงินให้หมอ แล้วได้ยาที่ทำร้ายตนเองกลับบ้าน
เปิดซะทีเถอะ ทีวีช่องที่ให้ข้อมูลที่แท้จริงกับประชาชน ว่าอาหาร ยา สมุนไพร ชนิดใด มีอันตรายแบบไหนอย่างไร นึกว่าทำบุญ อย่าเห็นแก่เงินแล้วร่วมทำบาปอีกเลย
กินจนตายไปเป็นเบื่อ จนเจ้าของกิจการเขาละอาย จนต้องประกาศ "ต่อไป น้ำอัดลมที่เราผลิต จะลดสารที่ก่อมะเร็ง ให้น้อยลง" คนไทยเอ๋ย จะเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกนานซักเท่าใด
แล้วพระราชดำรัสของในหลวง ที่ให้กันคนชั่ว สนับสนุนคนดี เอาไปไว้ไหนกัน ..... ทำซะทีเถอะ ... ซ้ายก็ไทย ขวาก็ไทย... อย่าฆ่าไทย ให้ชาติอื่นครองเลย
ไม่ต้องหามาตรการหรอกท่าน ตรวจแล้วประกาศทุกวัน ออกทีวี ก็พอแล้ว หามานานแล้วมาตรการน่ะ จนป่านนี้ยังหาไม่เจอเลย
เขาโฆษณาขายทุกวัน พวกคุณรู้ แล้วไม่บอก หมายความว่าอย่างไร ...... ตีขลุมอย่างนี้ กลายเป็นสมุนไพรที่ดี ก็อยู่ร่วมแก๊งค์ชั่วไปด้วย .... วันหนึ่งเมื่อต้องกลับมาพึ่ง จะทำอย่างไร ....
อย่างน้อยก็ประกาศข้อมูลในเว็ปกระทรวงสาธารณสุข และองค์การเภสัชกรรม ก็ยังดีน่ะ คนเขาจะได้รู้ และขอบคุณในสิ่งที่พวกท่านทำ