ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2555
น็อตคนละเกลียว
นอกจากการมีวินัยในการทานสมุนไพรแล้ว สิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์ได้กล่าวย้ำเตือนว่า แม้จะทานสมุนไพรชนิดเดียวกัน หม้อเดียวกัน ก็ตาม แต่ผลที่ได้ออกมาไม่เหมือนกันทุกคน "เพราะอะไร"
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงยกคำสอนของแม่ชีเมี้ยน ในครั้งอดีตให้ฟังว่า
ครั้งหนึ่ง เมื่อพระโคดมเสด็จผ่านหมู่บ้านหนึ่ง และได้พักค้างแรม มีคหบดีท่านหนึ่งทราบเรื่อง พร้อมกับสองตายาย โดยทั้งสองฝ่ายตั้งใจที่จะนำอาหารไปถวายพระโคดมเช่นกัน
ฝ่ายตากับยาย ก็กุลีกุจอ ข้างตาก็เข้าป่าเก็บผักหวาน ข้างยายก็เตรียมที่จะนำผักหวานที่ตาเก็บได้ มาทำแกงเลียง เพื่อถวายพระโคดม ในรุ่งเช้า
ฝ่ายคหบดี ก็เกณฑ์ข้าทาส ตระเตรียมอาหาร ที่ตนคิดว่าดีที่สุด สั่งการเป็นอันใหญ่ ด้วยปิดิที่จะได้นำอาหารไปถวายพระโคดมเฉกเช่นเดียวกัน
ครั้นรุ่งเช้า ตากับยาย ก็นำข้าวและแกงเลียงผักหวาน จัดอย่างดีไปถวายพระโคดม
ในขณะที่คหบดี ก็ให้ข้าทาส ช่วยกันยกสำหรับ พากันมาถวายพระโคดม
พระโคดม พิจารณาแล้ว จึงอยากที่จะโปรดคหบดี เพื่อให้ทำในสิ่งที่ถูกที่ควร ท่านจึงฉันข้าวและแกงเลียงผักหวาน ของสองตายายจนหมด โดยไม่แตะต้องอาหารของคหบดีแม้แต่น้อย
คหบดีเมื่อเห็นดังนั้น ก็อดรนทนไม่ได้ รอจนพระภูมีฉันเสร็จ เก็บสำรับ แล้วจึงตรงเข้าไปถามด้วยความสงสัยว่า "ทำไมพระองค์จึงไม่ฉันอาหารของข้าพเจ้า ทั้งที่ข้าพเจ้าก็ตั้งใจ และทำอาหารอย่างดีมาถวาย แต่กลับฉันเฉพาะอาหารของสองตายายเท่านั้นเล่า"
พระโคดมได้ที จึงตรัสสอนคหบดีว่า "ด้วยหลักของอาตมา คือ หลักตนพึ่งตน นั่นเอง"
แม้อาหารของท่านคหบดี ดูแล้วจะเลิศรส น่าทาน และมีความตั้งใจนำมาถวาย แต่ตัวท่านและภรรยา ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำอาหารนั้นๆ เลย แม้แต่น้อย จะเรียกว่า อาหารของท่านได้ฉันใด
ส่วนของตายาย ล้วนแล้วแต่ริเริ่ม และทำเองตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งตรงกับหลักของอาตมา
พฤติกรรมของสองตายาย จึงสอดคล้องกับสิ่งที่อาตมาปฏิบัติอยู่ อาตมาจึงฉันของสองตายาย ส่วนของท่านคหบดี ล้วนแล้วมาแต่การอาศัยผู้อื่น ทั้งหมดทั้งปวง ไม่ใช่แนวทางของอาตมา ถึงแม้จะฉันของท่านคหบดี ก็หามีประโยชน์อันใดต่อคหบดีไม่ ล้วนแล้วแต่เป็นของผู้อื่นทั้งสิ้น
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงสรุปให้ฟังว่า สมุนไพรแม่ชีเมี้ยน จะมีประโยชน์กับใคร ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับท่านฝ่ายเดียว ส่วนของท่าน คือ "ทำให้เป็นทาน" สมบูรณ์แล้ว อีกส่วนหนึ่งคือผู้ทาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะให้คำตอบว่า ผลสุดท้ายจะเป็นเช่นไร
แม่ชีเมี้ยนจึงตรัสว่า สมุนไพรเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติ นั่นก็คือ สมุนไพรจะออกฤทธิ์ ตามพฤติกรรมของผู้ทานนั่นเอง
ผู้ใดทำตายหลักตนพึ่งตนของพระภูมีมากเท่าใด ก็อุปมา น็อตเกลียวเดียวกัน สมุนไพรก็จะมีฤทธิ์มากขึ้นเท่านั้น
ผู้ใดไม่ทำเลย จะมาทานสมุนไพรอย่างเดียว ทานสมุนไพรไป ก็เหมือนไม่ทาน หาฤทธิ์อันใดไม่ได้ เสียเวลาเปล่า
ด้วยเหตุนี้ แม่ชีเมี้ยนจึงตรัสกับหลวงพ่อนิพนธ์ว่า "ท่านไม่ต้องกลัวโจรหรือคนไม่ดีมันจะมาหลอกทานสมุนไพรท่านหลอก เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขาคงไม่ช่วยให้คนจำพวกนั้นกลับมามีพลัง เพื่อไปทำลายคนอื่นอีกอย่างแน่นอน"
อุปมาคนพวกนั้น เหมือนน็อตคนละเกลียวกับหลักของพระโคดม จะทำสักฉันใดก็เข้ากันไม่ได้ เสียเวลาเปล่า
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงบอกว่า ใครที่คิดว่า มาที่นี่ จุกจิก จู้จี้ ต้องทำโน่นทำนี่ ไม่ชอบ ไม่อยากทำ ก็อย่ามาเสียเวลาเลย เพราะผลสุดท้ายก็เสียเงินค่ารถ เสียเวลาเปล่า ไม่ประสพผลอย่างแน่นอน ยิ่งคิดจะมาหลอก อาจจะหลอกตัวท่านได้ แต่หลอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้หรอก