สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์ฝากเตือนมายังผู้ที่มา นั่นคือ เราท่านอาจจะมาด้วยเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ต่างๆ นานา
ผลก็คือ คิดว่าสถานที่นี้มีสมุนไพรดี กินแล้วต้องหาย ซึ่งหลวงพ่อนิพนธ์บอกย้ำเตือนว่า การคิดเช่นนั้น เป็นความคิดที่ผิด
เพราะเมื่อคิดดังนั้น จึงละเลยสิ่งอื่นไปหมดสิ้น มาเพื่อนำสมุนไพรกลับไปทาน แล้วตั้งความหวังว่าต้องหาย ดังเสียงที่ได้ยินมา
แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นคือ พฤติกรรม ของผู้ทานต่างหาก ท่านจึงบอกว่า เป็นไปไม่ได้เลย ที่คนมาแล้ว จะทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีพฤติกรรมที่สอดคล้องกับธรรมคำสอนของพระภูมีเลย
เห็นได้ชัดจากการสวดมนต์ เมื่อเข้ามาแล้ว ก็ไม่มีสติที่จะสงบกาย วาจา ใจ เพราะคิดว่าไม่สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่สร้างนิสัยที่จะให้สุขแก่ผู้อื่นเลย เพราะคิดว่า ได้สมุนไพรดีเพียงอย่างเดียวก็พอแล้วนั่นเอง
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงให้สติว่า เสียงนั้นขอให้เป็นแค่พาหะที่นำมา หากแต่เมือมาถึง ต้องเรียนรู้ แล้วทำ ผลสุทธิของผู้ประสพผล จึงต้องเป็นคนดี จึงจะประสพผลในแนวทางนี้ได้
หากแต่ไม่คิดจะทำ ไม่อยากทำ ไม่ยินยอมพร้อมใจ พูดง่ายๆ หลังจากฟังเหตุและผล จากหลวงพ่อนิพนธ์แล้ว ก็ไม่สามารถสร้างศรัทธาในธรรมของพระภูมีทีให้ได้ มุ่งหวังแต่สมุนไพรเพียงอย่างเดียว ก็เป็นการเสียเวลาเปล่า เพราะผู้ทำ จึงเป็นผู้ได้ แนวทางนี้จึงไม่เหมาะกับคนเหล่านั้น ควรที่จะหาทางเลือกอื่นที่ชอบแทนดีกว่า ไม่ควรจะมาเสียเวลา ณ ที่นี้ สถานที่นี้ ไม่ได้บังคับให้ต้องมา ต้องเชื่อ ต้องทำ ยิ่งไปกว่านั้น ยังขอบคุณ และซึ้งในน้ำใจของท่านเหล่านั้นอีก ด้วยเหตุที่เมื่อใจไม่ชอบ ไม่อยากแล้ว ก็ไม่ทำตน เป็นก้างขวางคอ ยอมเสียสละสมุนไพรให้แก่คนที่อยากได้ อยากทำ จึงขอกุศลจากการนี้ ให้สุขแก่บุคคลเหล่านั้นด้วย
ลองได้ เมื่อลองแล้ว ไม่ชอบ ก็วาง เผื่อมีคนอื่นชอบ
อย่าไม่ชอบ ก็ทำลายเสีย ... ไม่ให้คนอื่นได้ ...