วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ธรรมรักษา


แนวความคิดที่ต่างกันอย่างสุดโต่งในการรักษา มาจากรากฐานความคิดที่ใช้ในการเริ่ม

แนวทางทั่วไป เห็นว่าโรคเป็นศัตรู ต้องพิชิต ต้องกำจัด นั่นคือ การกำหนดเป้าหมาย ต้องฆ่าโรคให้ตาย แล้วจึงคิดค้นกระบวนการเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้น

จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ตัวยาที่ถูกคิดค้นขึ้นมา หน้าที่หลักก็คือ ทำลาย ประเภท เดินหน้าฆ่าลูกเดียว และไม่สนว่า สิ่งที่ฆ่านั้นจะใช่เป้าหมายหรือไม่ หรือกระทบกระเทือนไปยังส่วนอื่นหรือไม่

อุปมาขี่ช้าง จับตั๊กแตน ก็ไม่รู้ว่าจับได้หรือไม่ แต่ทุกแห่งหนที่ช้างเยื้องกรายไป ย่อมแหลกราญก่อนแล้ว

ร่างกายก็เฉกเช่นเดียวกัน จึงไม่น่าแปลกที่ไม่รู้ว่ายาที่ทานเข้าไปรักษาอาการ หรือโรคที่เป็นอยู่ได้หรือไม่ แต่ที่รู้แน่คือ ผลข้างเคียงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ที่เห็นเด่นชัด ก็คือการฉายรังสี เมื่อถึงขีดจำกัดของร่างกาย ไม่รู้ว่าเชื้อมะเร็งตายหรือไม่ แต่ร่างกายบอบช้ำ ผมร่วง อ่อนแรง ไหม้เกรียม เกิดขึ้นแน่

ในทางตรงกันข้าม แนวทางของสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน ที่หลวงพ่อนิพนธ์นำมาให้ แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า เป็นหลักของพระภูมี ดังนั้น วิธีการที่ใช้ จึงใช้กระบวนการธรรมชาติ ฟื้นฟูภูมิ และอวัยวะ ให้แข็งแกร่ง แล้วผลักดันเชื้อโรค หรือ ส่วนเกินออกจากร่างกาย

เมื่อร่างกายมีความสามารถกลับมาดังเดิม ร่างกายก็จะต้องเลือกกรรมวิธีที่ปลอดภัย ในการขับเชื้อโรคนั้นออกจากร่างกาย ไม่ใช่ฆ่าเชื้อ ดังนั้น สิ่งที่ปรากฎ เมื่อถึงระยะหนึ่ง ร่างกายเราจะต้องขับเชื้อ ก็จะปรากฎว่า มีอาการ อาเจียน ปัสสาวะบ่อย ถ่ายบ่อย หรือมีแผลปะทุที่ผิวหนัง มีอาการไอ หรือในกรณีของตา อาจจะมีขี้ตาออกมาก และเกาะกันจนแข็ง ลืมตาไม่ขึ้นในตอนเช้า ต้องใช้น้ำซับให้นิ่มเช็ดออก เป็นต้น

ความสามารถในการผลักดันเชื้อออกจากร่างกาย เป็นปกติที่ทำได้อยู่แล้วของคนทั่วไป หากแต่ยามใดที่อวัยวะเราบกพร่อง จึงเปิดช่องให้เชื้อโรค ทิ้งตัวและพักอยู่ในร่างกาย ของเราท่านได้

ด้วยเหตุและผล ดังกล่าว แนวทางสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน จึงไม่จำเป็นต้องรู้ หรือวินิจฉัย ว่าท่านเป็นโรคอะไร เพราะพหูสูตรอันนี้ของพระภูมีนั่นเอง เมื่อเราท่านชดเชยซ่อมแซมอวัยวะที่บกพร่อง โดยการทานสมุนไพร เพื่อฟื้นฟู และเสริมภูมิที่หายไปได้แล้ว ที่เหลือร่างกายจึงทำหน้าที่เองตามปกติ

ในกรณีของผู้ป่วยเอดส์ หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ยิ่งเป็นการง่าย เพราะสิ่งที่ร่างกายขาด เป็นเพียงแต่ความสามารถในการแยกแยะว่าเชื้อใดเป็นเอดส์ หรือ ภูมิที่ใช้ในการแยกแยะเสียไป กระบวนการขับไล่เชื้อจึงไม่เกิดขึ้น จึงเรียกว่า ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หาใช่อวัยวะชำรุดทรุดโทรมเสียหายดังเช่นผู้ป่วยโรคอื่นๆ ไม่

สมุนไพรที่แม่ชีเมี้ยนจัดเตรียมไว้ให้ เมื่อครั้งถ้ำกระบอก ที่มอบให้หลวงพ่อนิพนธ์ พร้อมกับตรัสว่า โรคนี้จะเกิดระบาดขึ้นในอีก ๓๐ ปี ข้างหน้า

สมุนไพรนี้จึงมีหน้าที่ฟื้นฟู ภูมิต้านทานดังกล่าว ทำให้ร่างกายกลับมาปกติ สามารถแยกแยะเชื้อเอดส์ และขับออกได้ เมื่อฟื้นฟูอวัยวะทุกส่วนด้วยแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่แม่ชีเมี้ยนตรัสกับหลวงพ่อนิพนธ์ว่า "ถ้าอยากทำงานเบาก็เลือกผู้ป่วย ยาเสพติด กับเอดส์" ด้วยเหตุที่ทั้งสองกรณี อวัยวะของร่างกาย ไม่บอบช้ำนี้เอง การรักษาจึงง่าย

แนวทางการรักษา ประเภท เดินหน้าฆ่าลูกเดียว จึงไม่มีวันประสพผลสำเร็จ มีแต่ทำให้เลวร้ายขึ้น และการกล่าวอ้างว่า มีสมุนไพร หรือยาวิเศษใด ที่สามารถรักษาโรคได้ ย่อมเป็นกล่าวเท็จทั้งสิ้น

เพราะเนื้อแท้ที่พระภูมีสอน ชี้ให้เห็นว่า ร่างกายมีกลไกเพื่อรักษาซ่อมแซมตัวเองอยู่ครบ เพราะทุกอณูก็ล้วนแล้วแต่สร้างขึ้นมาเองทั้งสิ้น หากแต่เมื่ออวัยวะของเราบกพร่อง ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด สมุนไพรที่ธรรมชาติสร้างให้ จึงทำหน้าที่เสริม ให้อวัยวะกลับมาดีดั่งเดิม และทำหน้าที่ได้ปกติ โรคก็จะถูกขับไปเองโดยร่างกาย

ตัวอย่างที่หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ให้เห็นอยู่เสมอ อาทิเช่น เมื่อกระดูกเราท่านหัก หน้าที่ของหมอ ไม่ว่า หมอพระ หรือ หมอสมัยใหม่ ก็เพียงทำหน้าที่จัดกระดูก ให้เข้าที่ แล้วดามไว้ แล้วก็กล่าวว่า รอจนร่างกายสมานกระดูกเข้าด้วยกัน จึงจะแกะออก อันจะเห็นได้ว่า การสมานกระดูก ทำเองโดยกลไกของร่างกาย หาใช่ยาเคมี หรือสมุนไพร ใดๆ มาทำหน้าที่ไม่ หากคนๆ นั้นปกติ กระดูกก็จะสมานในที่สุด หากคนๆ นั้น มีอาการผิดปกติ ก็ทำให้กระดูกนั้นไม่อาจสมานกัน

กระบวนการทำงานของร่างกาย ก็มีผลจากสภาวะจิตใจ ดังนั้น ก็ไม่แปลก ที่ต้องมีกติกา ให้ทุกคนสวดมนต์ เพื่อให้ใจสงบ กายสงบ เอื้อให้ร่างกายไม่เกิดความเครียด และกลับมาทำงานได้ตามปกติ นั่นเอง

การให้เข้ากระโจม ก็เพื่อเปิดทางให้เชื้อถูกดันออกทางขุมขน

ทุกกิจกรรมที่ชมรมคนรักสุขภาพ จัดให้ทำ จึงล้วนเป็นความจำเป็น แต่ไม่บังคับ และเมื่อเลือกแนวทางนี้ ก็ต้องยอมรับอาการที่จะพึงเกิด จากการขับเชื้อออกจากร่างกาย นั่นคือ ลงแดง

เมื่ออาการปรากฎ แล้วมีความคิด ความเห็น ว่าทำไมเป็นอย่างนี้ เมื่อก่อนไม่เคยเป็น พฤติกรรมเช่นนี้ จัดว่าเป็น การทำคุณบูชาโทษ จัดว่าเป็น พฤติกรรม "อกตัญญูู" ย่อมยากจะประสพผลในแนวทางนี้

แนวทางนี้พิสูจน์ตนมากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ก็ยังถูกสงสัย ในขณะที่ยาเม็ด ไม่เคยพิสูจน์ตนได้เลยว่าช่วยได้ ไม่มีการสงสัยแม้แต่น้อย สิ่งที่ยาเม็ดพิสูจน์ให้เห็นคือ เมื่อเริ่มจากความคิดผิด ผลผิดจึงเกิด ไม่ว่าจะหลอกกันสักฉันใด ย่อมไม่มีผู้ประสพผลจากสิ่งนี้เลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44