วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

พบกันสายไป

สองสามีภรรยา เดินทางมาหาหลวงพ่อนิพนธ์ พร้อมกับเล่าจุดมุ่งหมายที่มาให้ฟัง

ฝ่ายสามีเป็นมะเร็งที่ตับ รักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันมาตลอด ตั้งแต่เริ่ม จนท้ายที่สุด ก็กระจายไปทั่วตัว หลังจากหมดเงินไปหลายสิบล้านบาท

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงถามจุดประสงค์ที่มา ทั้งสองเล่าว่า เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขา แต่ปัญหาที่ต้องเผชิญ คือ อาการปวดที่สุดจะทนไหว และเมื่อไปหาหมอ ก็แก้ไขด้วยการฉีดมอร์ฟีน แต่อาการดังกล่าว หายไปชั่วครู่ชั่วยาม และเมื่อปรากฎอีก ก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนมีคนมาบอกว่า ที่ชมรมมีสมุนไพรสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องอาการปวดได้

ทั้งสองกล่าวว่า รู้ดีว่าอาการของฝ่ายสามีรุนแรงเกินจะกู้ได้ จึงหวังเพียงแค่ไม่ให้ปวดเท่านั้น ก็ถือว่าพอใจแล้ว

หลังจากการทานสมุนไพร สิ่งที่สามีเขาปรารถนาก็ได้ดังหวัง และมีชีวิตอยู่ได้อีกประมาณสองเดือนก็เสียชีวิต

ก่อนที่จะเสียชีวิต สามีได้เขียนบทความ "พบกันสายไป" เล่าเรื่องราวของตนที่ประสบมาในการรักษาตนเองตั้งแต่แรกเริ่ม เพื่อทำเป็นหนังสือแจกในงานศพของเขาเอง

ความปรารถนาที่จะเล่าเรื่องของตน ด้วยอาศัยความมีหน้าตาในสังคม และเป็นที่รู้จักกันดีในสังคมชั้นสูง จึงอยากเผยแพร่ความจริงที่ได้ประสพให้เป็นวิทยาทาน

นั่นซิ ทำไมสมุนไพรไทย จึงต้องเป็นไก่รองบ่อน ให้กับยาฝรั่งที่ไม่เคยช่วยใครได้แม้แต่คนเดียว

ชื่อของบทความนี้ ทำให้ย้อนถึง ผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้เคยกล่าวเช่นกัน ก่อนหน้านี้

เธอเป็นผู้หญิงที่เรียกว่ามันสมองของประเทศ เรียนจบบัญชีธรรมศาสตร์ เป็นข้าราชการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ไต่เต้าจนเป็นข้าราชการระดับสูง

เริ่มรักษาตัวด้วยยาเคมี ปฏิบัติตามหมอสั่งทุกประการอย่างเคร่งครัด ไม่เคยผิดสักครั้งตั้งแต่อายุ ๑๘ ปี จนปัจจุบัน

ท้ายที่สุด ก็ได้อมตะวาจาว่าจากหมอ จนได้มาพบหลวงพ่อนิพนธ์ แล้วกล่าวคำนี้เช่นกัน

ทำไมต้องเป็นทางเลือกสุดท้าย ... และจะได้ยินคำนี้ัอีกกี่ครั้งกันหนอ

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44