วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

ศาสตร์ของสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน

ศาสตร์สมุนไพรของพระพุทธเจ้า ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา หลวงพ่อนิพนธ์ ได้ชี้ให้เห็นว่า เป็นเรื่องที่ลึกซื้งกว่าวิทยาศาสตร์ จะจินตนาการหรือค้นพบ

วิทยาการของวิทยาศาสตร์ มักจะถึงทางตัน เพราะเหตุที่ไม่สามารถล้วงลึก เกินกว่าสิ่งมองเห็น หรือสัมผัสได้เท่านั้น จึงไม่สามารถเข้าถึงสมมุตฐาน หรือ ข้อเท็จจริงของการเกิดโรคได้

ด้วยความจริงของธรรมชาติ ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ จึงสรุปสมมุติฐานของโรคทั้งหลายทั้งปวง ในธรรมหมวดเดียวคือ "สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม" อันหมายความที่หลวงพ่อนิพนธ์ มักกล่าวเสมอว่า จุดเริ่มของการวินิจฉัย สาเหตุแห่งโรค ระหว่างที่นี่ กับที่อื่นจึงต่างกัน

แม่ชีเมี้ยน จึงสอนว่า "โรคเกิดจากกรรม" กรรมมีอำนาจ เป็นสิ่งที่เราทำไว้ในอดีต ดังนั้นปฏิเสธไม่ได้ เมื่อมาย่อมก่อให้เกิดทุกขเวทนา ผู้ใดทำ ผู้นั้นย่อมเป็นผู้รับ จะรับแทนผู้อื่น หรือจะให้ผู้อื่นรับแทน ซึ่งกันและกันไม่ได้เลย ด้วยความจริงอันนี้ ที่พระพุทธเจ้าเรียนรู้ และตรัสเป็นธรรมขันธ์แรก คือ หมวด "ตนพึ่งตน" นั่นเอง

เมื่อมีผูก ก็ต้องมีแก้ ของทุกสิ่งในจักรวาล จึงมีเป็นคู่ ดังนั้น เมื่อมีกรรม มาไว้ผูกกรรม ธรรมชาติ เขาก็มี "ธรรม ไว้สู้กับกรรม" ที่สำคัญ และผ่านการพิสูจน์มาทุกยุคทุกสมัยของพระพุทธเจ้า นั่นคือ "ธรรม ชนะ กรรม"

ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าเราจะเอาชนะกรรม โดยไม่ใช้ธรรม เพราะนอกจากธรรมแล้ว ไม่มีสิ่งอื่นใดในโลกนี้ที่สามารถชนะกรรมได้เลย ไม่ว่ามนุษย์จะยกยอ ปอปั้น สักฉันใด ผลก็จะประจักษ์ให้เห็นว่า สิ่งนั้นไม่มีอำนาจแท้จริง ในการต่อสู้กับกรรมเวรเลย

ทั้งสองสิ่งนี้ มีสถานะเฉกเช่นเดียวกัน คือ เสมือนวิญญาณ จะไม่มีฤทธิ์อันใด แก่ใครเลย ถ้าบุคคลที่เป็นเจ้าของสังขาร ไม่เชื่อและทำตาม

ผลของการเชื่อ และทำตาม จึงปรากฎเป็นรูปธรรม หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า นั่นแหละพรหมลิขิต ที่เราขีดเขียนในอดีต จะดีหรือร้าย ก็ขึ้นอยู่กับว่า คนผู้นั้น เชื่อและทำตาม วิญญาณธรรม หรือ วิญญาณกรรม

แลในตัวทุกคน ก็มีวิญญาณ ที่มีสิทธิ์จะเลือกนาย ว่าจะชอบนายแบบ วิญญาณธรรม หรือ วิญญาณกรรม เพื่อก่อให้เกิดสุขแก่ตน

แลวิญญาณมนุษย์ ก็ต้องอาศัยสังขาร เพื่อที่จะทำตามที่ตนชอบ สังขารที่มีวิญญาณ จึงมีความรู้สึก และความรู้สึกของสังขารนั่นแหละ คือ วิญญาณ สังขารเป็นสุข วิญญาณ ก็เป็นสุข สังขารเป็นทุกข์ มีโรคภัย วิญญาณก็เป็นทุกข์

ความแตกต่างของความสุข ของสองรูปแบบ ในรูปแบบของ กรรม ก็จะเป็นสุขที่ได้ทำ สุขที่เกิด เป็นสุขของกิเลส อันจะเห็นได้จาก เมื่อสนองกิเลสจบ ความรู้สึกอยากทำนั้นก็หมดไป หลวงพ่อนิพนธ์ เรียกการกระทำอย่างนี้ว่า "สุขวันนี้เพื่อทุกข์ในวันหน้า" ส่วนสุขของธรรม พระพุทธเจ้าท่านให้ทำนิสัย จึงดูแล้วมีทุกข์ เพราะต้องทนทุกข์กับวินัย เพื่อก่อให้เกิดนิสัยพระพุทธเจ้า เช่น ถ้าจะฝึกนิสัยไม่โกรธ เมื่อมีเหตุให้โกรธ ก็ต้องข่ม กาย วาจา ใจ จะรู้สึกเป็นทุกข์มาก หากแต่ถ้าเราท่านทำได้ ก็จะทำให้หนีกรรมได้ ก่อให้เกิดสุขอันมหาศาล ความโกรธ ฆ่าคนได้ ทำให้เราท่านต้องติดคุก เมื่อเราท่านไม่โกรธ ก็ไม่ทำร้ายเขา เราก็หนีกรรมฆ่าคนได้ สร้างพรหมลิขิตที่ดีในวันข้างหน้า

ดังน้้นช่วงนี้ เราจึงได้ยินหลวงพ่อนิพนธ์ สอนสั่งให้สมาชิก แก้ที่ต้นเหตุ โดยการน้อมนำธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าบางประการ มาปฏิบัติ แม้จะก่อให้เกิดความทุกข์แก่เราท่าน หลวงพ่อนิพนธ์ก็ให้สติว่า "ในเมื่อเรามีกรรมทำให้ทุกข์อยู่แล้ว ทำไมเราไม่มาทุกข์กับธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าแทน ค่อยๆ ใช้ไป ไม่ช้ากรรมก็หมด จะได้ไม่ต้องไปทุกข์กับกรรมอีก"

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า ไม่น่าแปลกใจเลย ที่แม้แต่สมุนไพรของพระพุทธเจ้า ทุกตัว จึงเรียกได้ว่า ทานยาก ที่ใช้ทาก็แสบเหลือหลาย ที่ใช้พอก ก็มีกลิ่นรุนแรง อันอาจทำให้บางคนเป็นทุกข์มาก จนรับไม่ได้เลยก็เป็นได้ จึงต้องอาศัยเหตุผล แล้วทำใจ ให้สอดคล้องรองรับมงคลของสมุนไพร ใช้สติ "กรรมของเรา เราต้องใช้ ทุกข์กับสิ่งนี้ดีกว่าทุกข์กับโรค" และปรับจิตใจรับ พูดและคิดในสิ่งที่ดี ดังที่ท่านแนะนำ เผ็ดดี ขมดี ฝาดดี จนเราและสมุนไพร ดุจดั่งสหายที่ดี ไม่ได้ดูที่หน้าตา แต่ดูที่จิดใจ สมุนไพรมีคุณ ย่อมเป็นมิตรที่ดี เราท่านผู้ทาน ก็ต้อนรับอย่างดี อย่ามีพฤติกรรม ที่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า น่าเกียจ เช่น กินแล้วร้องยี้ กินแล้วบ่น ขมจัง เท่ากับเป็นการปฏิเสธ

ศาสตรร์เบื้องต้น ที่ต้องเรียนรู้ และปฏิบัติ คือ ธรรมหมวด "ตนพึ่งตน" มาเอง สวดมนต์เอง รับสมุนไพรเอง รินเอง ทานเอง เก็บเอง


หลวงพ่อนิพนธ์ จึงมักสรุปให้สั้นๆ ว่า เรื่องของชีวิต อย่าคิดพึ่งผู้อื่น ไม่มีวันสำเร็จ

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44