หลวงพ่อนิพนธ์ ได้กล่าวถึงหนทางที่จะใช้ในการรักษาโรคไว้ว่า มีสองหนทางให้เลือก คือ 1.สมุนไพรรักษา 2.บุญรักษา
ทางเลือกแรกคือ สมุนไพรรักษา เหมาะแก่ผู้ที่ไม่คิดจะนำธรรมของพระพุทธเจ้าไปปฏิบัติ ไม่คิดจะเรียนรู้ใดๆ แต่มีความขันติ อดทน ในการทานสมุนไพร และทำตามกติกาพื้นฐานที่ตั้งไว้ เช่น การสวดมนต์ เป็นต้น
ทางเลือกนี้ ท่านกล่าวว่า จำเป็นที่จะต้องทานสมุนไพรให้ได้ปริมาณ และอาศัยซึ่งความสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง เพือให้ร่างกายสะสมจนได้ปริมาณเพียงพอ นำไปใช้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นคนไข้ประเภทนี้จึงต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน และต้องใช้ความขันติ อดทนสูง ในการยืนระยะ แต่ก็สามารถประสพผลสำเร็จในการหายโรคได้
ทางเลือกที่สอง คือ บุญรักษา เหมาะแก่ผู้ที่พร้อมจะน้อมนำธรรมของพระพุทธเจ้าไปปฏิบัติ เพื่อบังคับกาย วาจา ใจ ทำให้ต้องทำงานมากขึ้น กว่าการทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่บังเกิด ก็คุ้มค่า เพราะจะทำให้สมุนไพรมีฤทธิมากขึ้นตามพฤติกรรมของตน ท่านเรียกว่ามีบุญรักษามาช่วยด้วย การใช้แนวทางนี้ จึงเห็นผลได้เร็ว และค่อนข้างหวังผลได้แน่นอน
การเลือกทางแรก หลวงพ่อนิพนธ์กล่าว่า ถึงแม้จะหายจากโรค ก็ไม่เรียกว่า ชีวิตอยู่ในขั้นปลอดภัย เพราะหายจากโรคนี้ อาจไปเป็นโรคอื่นแทนขึ้นมาได้ การเลือกทางเดินแรกท่านจึงมักกล่าวว่า ยังเสี่ยง ที่จะ "หนีเสือ ปะจรเข้" ท้ายที่สุด ก็อาจเอาชีวิตไม่รอด ท่านจึงยกตัวอย่าง ลูกศิษย์เก่าที่ตามมาจากถ้ำกระบอกท่านหนึ่งให้ฟังเสมอๆ คือ "จับหยี" ที่ได้มาพบท่านเมื่อเปิดสำนักอยู่ที่ลพบุรี ในช่วงปี 30 นั่นเอง เขามาด้วยโรคมะเร็ง หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า เรารักษามะเร็งให้ได้แล้ว แต่จับหยี ควรมีพฤติกรรมให้สอดคล้อง ในแนวทางของพระภูมี เขาบ่ายเบี่ยง จนในที่สุดไม่นาน ก็ประสพเหตุทางรถยนต์ถึงแก่ชีวิต
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงมักกล่าวชวนให้เลือกทางเลือกหลังเสมอๆ อันเป็นที่มาของคำขวัญของชมรม คือ "สมุนไพรรักษาโรค ธรรมรักษากรรม" เพราะเรายอมเหนื่อยกับวินัยธรรมของพระพุทธเจ้า ย่อมเกิดบุญที่จะใช้กรรม เมื่อไม่มีกรรม เราก็หมดทั้งโรค และกรรม จึงปลอดภัยทั้งจากโรคและอุบัติเหตุ
ท่านจึงกล่าวว่า มนุษย์ทุกคนทั่วไป ไม่ตายโหง ก็ตายห่า ถ้าเราจะหนี้ ก็ต้องหนีให้พ้นทั้งสองสิ่ง จึงจะเรียกว่า ปลอดภัย
ในเสี้ยวหนึ่งของคุณปรียานุช ที่อาจไม่มีเขียนในหนังสือ คนทั่วไปจะเห็นแต่ห้องน้ำที่คุณปรียานุชสร้าง แต่ไม่รู้ที่มาที่ไป ว่าสร้างทำไม ก็ด้วยเหตุที่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า โรคที่คุณปรียานุชเป็นอยู่ เกิดจากกรรมที่เราเบียดเบียนผู้อื่นจนเกินไป การจะใช้กรรม ก็ต้องย้อนศร จึงก่อเกิดห้องน้ำ และภาพคุณปรียานุช มาล้างห้องน้ำของชมรม ทุกสัปดาห์ จนโรคที่หมอทั่วโลกเขาเมิน ก็มาหายด้วยห้องน้ำนี้เอง มิใช่เพียงแค่แต่ทานสมุนไพรแต่เพียงอย่างเดียว
ทางเลือกทั้งสองทาง ก็แล้วแต่ใครจะพิจารณา เลือกเดินกันเอาเอง ผลที่ได้ หายจากโรคเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน ใครที่จะเลือกเดินตามเส้นทางหลัง หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า มันเริ่มจากคำว่า "เสียสละ" ทำให้ผู้อื่น
เมื่อท่านไปที่ชมรม ท่านจึงเห็นบุคคลสองกลุ่ม คนกลุ่มที่สองแม้จะน้อยหน่อย แต่ก็มีให้เห็น เราท่านจึงเห็น คุณอ้อ คุณเส่ย คุณดา ... ซึ่งใช้แนวทางของบุญรักษา เดินอยู่ คนเหล่านี้ จะเห็นว่า ทานสมุนไพรน้อยมาก หรือ แทบจะไม่ได้ทานเลย หลวงพ่อนิพนธ์เคยกล่าวว่า อาจจำเป็นต้องทานก็เฉพาะในเวลาที่กรรมหนักจริงๆ มาถึง เท่านั้นก็เพียงพอ
เราจึงหวังว่า คนกลุ่มหลังจะเพิ่มปริมาณขึ้นเริ่อยๆ และเป็นคำตอบว่า "ต้องทานสมุนไพรไปตลอดหรือไม่" มิเช่นนั้นแล้ว หลวงพ่อนิพนธ์คงทำสมุนไพรให้ทานตามปริมาณคนที่เพิ่มขึ้นไม่ไหวเป็นแน่แท้ ถ้าไม่มีผู้ใดเรียนรู้และเลือกทางเลือกหลังในการรักษาตนเป็นแน่แท้ ....
ข้อดีสำแนวทางเลือกหลัง หลวงพ่อนิพนธ์จึงเรียกว่า "ทานสมุนไพรเป็น" ไม่จำเป็นต้องใช้สมุนไพรมาก ก็เพียงพอแก้ปัญหาแล้ว แค่ยาเขียวแก้วเดียวก็จบได้ แล้วท่านจะลองดูไหม....