แม่ชีเมี้ยนได้สอนหลวงพ่อนิพนธ์ ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ คือ ความจริงของจักรวาล หรือ ความจริงของมนุษย์นั่นเอง
ความรู้ประการหนึ่ง คือ มนุษย์เราประกอบด้วย เซลล์ และเนื้อเยื่อ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไม เราต้องกินทั้งพืช และสัตว์ ก็เพราะต้องอาศัย เซลล์ และเนื้อเยื่อ เหล่านั้น มาเพื่อหล่อเลี้ยงตัวเรานั้นเอง
ในพืช มีเนื้อเยื่อ ในสัตว์มีเซลล์ และอาศัยซึ่งกฎเกณฑ์ คือ "ชีวิตต่อชีวิต"
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราจึงทาน พืช และ สัตว์ ที่เน่าเสียไม่ได้ เพราะเซลล์ หรือ เนื้อเยื่อ มันตายไปหมดแล้วนั่นเอง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงย้อนกลับมาที่ยาเคมี ซึ่งไม่มีองค์ประกอบ ทั้ง เนื่อเยื่อ และ เซลล์ ที่มีชีวิตเลย เมื่อทานไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น สภาวะที่ร่างกายปฏิเสธ ไม่ยอมรับจึงเกิดขึ้น แต่ผลจากการที่ยาเคมีเหล่านั้น เป็นสารหนัก ร่างกายมีขีดจำกัดในการกำจัด เมื่อปริมาณมากเกินกว่าร่างกายจะกำจัดได้ ผลก็คือ สารเหล่านี้จะทิ้งตัวอยู่ในจุดที่อ่อนแอของร่างกาย จุดใดจุดหนึ่ง
ผลก็คือ จุดของร่างกายจุดนั้น จะกลายเป็นสถานีให้โรคมาพำนัก เพราะบริเวณนั้น ภูมิต้านทานของร่างกาย จะตาย อุปมาหญ้าโดนหินทับ
ยิ่งไปกว่านั้น การวินิจฉัยที่มาจากความโลภ เพื่อให้ต้องใช้ยาเคมี หรือผลิตภัณฑ์ของพ่อค้า ทำให้ โรคอย่างมะเร็ง ที่มีอยู่ในร่างกายของคนเราอยู่แล้ว ได้ที่พำนัก และเมื่อได้รับความเครียด ทำให้ก่อตัวขึ้น อันทำตัวเสมือนเพื่อนบ้านที่เกเร ซึ่งต้องอาศัย ความปรองดอง เพื่อแก้ปัญหา กลับใช้การโจมตี ทำสงคราม ทำลายล้าง โดยเคมี ยิ่งทำให้ปัญหาบานปลาย จนถึงแก่ชีวิต
แนวทางเดินหน้า ฆ่าลูกเดียว ของวิทยาศาสตร์ ที่ได้รับการยอมรับ ว่าทันสมัย จึงใช้ไม่ได้เลย ยิ่งโรคเอดส์ด้วย แนวทางนี้จึงไม่มีทางประสพผลอย่างแน่นอน
แนวทางของพระพุทธเจ้าใช้ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะท่านใช้ สมุนไพรบำบัด เพื่อไปสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแกร่ง ผสานกับจิตบำบัด ใช้ความสงบ เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย
เมื่อภูมิของร่างกายแข็งแกร่ง ก็จะผลักดันเชื้อเหล่านั้น ให้ออกจากร่างกาย ทางใดทางหนึ่ง เราจึงเห็นคนไข้ ที่เป็นมะเร็งเต้านม มีอาการบวม ใหญ่ขึ้น และแตกออก จนมะเร็งหลุดออกมาทั้งยวง จนสามีคนไข้ยั่ว เอามาให้วิทยากรดู แล้วเอาไปเผาไฟ เพราะทำให้ภรรยาเขาปวดทรมานมาตั้งนาน มากมายหลายท่าน
ด้วยความรู้เล็กๆ น้อยๆ นี้ ก็คงพอจะบอกได้ว่า ทำไมวิทยากรของหลวงพ่อนิพนธ์ทุกท่าน จึงต้องบอกกล่าวให้สมาชิกใหม่ทุกท่าน พยายามหยุดยาเคมีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมทั้งสารพัดอาหารเสริมและวิตามินทั้งหลายด้วย
ความรู้ที่คุณปรียานุชเขียน เป็นแค่เสี้ยว ยังเอาตัวรอดได้ ความรู้ที่หลวงพ่อนิพนธ์ บอกเล่าให้ฟัง มากมายนัก ล้วนแล้วมีคุณค่า นำพาชีวิตรอด หาฟังที่ไหนในโลกไม่ได้ ท่านจึงกล่าวว่า ความรู้ของพระพุทธเจ้า แม้เพียงพยางค์เดียว ฟังแล้วเข้าใจ เอาไปปฏิบัติ ก็เพียงพอให้รอดแล้ว เราสงสัยคนไทยนัก ทำไมไม่บ้าฟังกันบ้าง เห็นคอนเสริต์ ค่าดูเป็นพันเป็นหมื่น รอคิวซื้อตั๋วกันสิบชั่วโมง แล้วใจหาย และเข้าใจที่แม่ชีเมี้ยนตรัสไว้ว่า "มนุษย์สมัยนี้ มันขาดธรรม" ผลจึงเป็นเช่นนี้
หน้าที่ของหลวงพ่อนิพนธ์ ท่านจึงบอกคือ "นำสมุนไพรมา และทำให้คนหันกลับมาใช้ธรรมของพระพุทธเจ้า เพื่อพบสุขที่แท้จริง คือ กินได้ นอนหลับ" เมื่อคนเป็นสุข ครอบครัวก็สุข ประเทศก็สุข ด้วยมีธรรมนำชีวิตนั่นเอง