สามเณรนิพนธ์ในอดีตนั้น มีประวัติทางโลกมาอย่างโชกโชน ด้วยความที่เป็นคนเฉียวฉลาดนั้นเอง ดังนั้น ก่อนมาบวชจึงได้ก่อวีรกรรมไว้ให้แก่ชาวตรอกไผ่สิงห์โต ตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย อย่างมากมาย
วีรกรรมของท่านที่เล่าให้ลูกศิษย์ฟังด้วยความขบขัน มีมากมาย จนวันที่ท่านแม่ชีเมี้ยนให้ท่านมาบวช เมื่อชนชาวตรอกไผ่ได้ทราบเรื่อง ก็ดีใจจนขนาดรวมกันล้างซอยและทำบุญเลี้ยงพระฉลองกันเลย
ด้วยทักษะอันนี้ แต่ก็ไม่พ้นสายตาของแม่ชีเมี้ยนไปได้ ดังนั้น แค่สามเณรคิดจะเอ่ยปาก ขอบวชตามใจแม่สักเจ็ดวัน แล้วจะตามเพื่อนไปสอบแพทย์ ตามที่ได้ตั้งใจกันไว้ในกลุ่ม ก็ถูกแม่ชีเมี้ยนดักคอเสียแล้ว โดยการตอบคำถามอันมากมาย ที่ถูกสามเณรพยายามต้อนให้จน เพื่อจะได้หาเรื่องลาสึก
ความรู้ที่แม่ชีเมี้ยนเริ่มถ่ายทอดให้สามเณร ท่านบอกว่าเป็นความรู้ของพระพุทธเจ้า แล้วเล่าเป็นฉากๆ ตอบทุกคำถามที่สงสัย จนสามเณรต้องมาคิดว่า ท่านรู้ได้อย่างไร ในเมื่อท่านไม่ได้เรียนหนังสือ เขียนก็ไม่ได้ อ่านก็ไม่ออก ความรู้ที่นำมาบอกเล่า ท่านนำมาจากไหน
ในที่สุด ด้วยบทลงท้าย คือ ต้องการคนที่เสียสละ เพื่อนำความรู้นี้ไปช่วยเพื่อนมนุษย์ ก็เลยรับปากชั่วคราวไปก่อน แต่เมื่อได้ทำ และได้สัมผัส ก็เกิดชอบในสิ่งที่ทำ จนเพื่อนทั้งกลุ่ม พูดกันเล่นๆ ว่า เราทุกคนล้วนได้เรียนแพทย์สมใจ แต่ของสามเณรนิพนธ์ เป็นหมอผี อันเป็นที่มาของสมญานาม "หมอผี" ตั้งแต่นั้นเอง
ความรู้ของพระพุทธเจ้า ในเรื่องของกายมนุษย์ ที่แม่ชีเมี้ยนนำมาเล่า ตั้งแต่ปี 2500 ว่า ร่างกายของคนเรานั้น เมื่อทานอาหารเข้าไปแล้ว จะมีการแยกเป็นส่วนๆ เข้ายุ้ง ต่างๆ ของร่างกาย ทั้ง 7 ยุ้ง เหมือนท้องพระคลังกลาง
แล้วร่างกายจะสร้างระบบตรวจสอบ อวัยวะของร่างกายที่สึกหรอ อุปมาเหมือน พนักงานตรวจไม้หมอนรถไฟ เมื่อพบก็ส่งสัญญาณกลับมาส่วนกลาง ให้ไปซ่อม สัญญาณที่ส่งมา เปรียบได้ดั่ง การจ่าหน้าซองของจดหมาย ดังนั้น คนเราปกติ จึงต้องมีความดันที่สูงเป็นบางครั้ง เพื่อตรวจสอบนั่นเอง
เมื่อสัญญาณถูกส่ง ร่างกายก็จะเบิกวัตถุดับจากคลัง ส่งไปยังจุดหมาย ที่แน่นอน ไม่ผิดเพี้ยน ระบบการเตือนภัยดังกล่าว จึงเป็นสิ่งจำเป็นของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายรู้ว่า เกิดปัญหาในจุดนั้นๆ แล้ว
ดังนั้น การทานอาหารให้ครบหมู่จึงจำเป็น โดยเฉพาะ อาหารที่หมอบอกว่าให้งด ยิ่งต้องทาน คนเป็นเก๊าต์ ต้องทานสัตว์ปีก เพราะสิ่งเหล่านั้น เป็นนายตรวจตามธรรมชาติ ให้แก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายรู้ และส่งวัตถุดิบไปซ่อมแซม ให้ดีดังเดิม
แต่ธรรมชาติเหล่านี้ กลับถูกทำลาย เพราะความง่ายของคน ที่ไม่ยอมแม้แต่จะให้เกิดอาการใดๆ แก่ร่างกายแม้แต่น้อยนิด นั้นหมายความว่า เรากำลังทำลาย นายตรวจของเราแล้วนั่นเอง ผลที่ตามมา ร่างกายส่วนนั้นๆ จึงไม่ถูกซ่อมแซม ให้กลับมาเป็นปกติได้
จึงไม่น่าแปลก ที่คนกินยาคุมความดัน จึงมีอาการเส้นเลือดแตก ทั้งๆ ที่กินอยู่ ก็เพราะเราทำให้ทหารของเราอ่อนแอลง โดยหลอกว่า ไม่มีศัตรู ครั้นพอภัยมา ทหารก็หมดสภาพการต่อสู้ไปแล้ว เพราะเราไปยืมมือที่สาม คือ ยาเคมี มาทำหน้าที่แทน จนยาเคมีเอาไม่ไหว อวัยวะส่วนนั้นๆ ก็ฉิบหายจนแก้ไม่ทันเสียแล้ว
ด้วยความรู้เหล่านี้ ที่ดักคอให้สามเณร คิดสึกก็ยังทำไม่ได้ และเมื่อทำแล้ว ก็เห็นผล จนเกิดความรักในการเสียสละ ตามแบบอย่างพระพุทธเจ้าอย่างเต็มตัว
บทพิสูจน์ความรู้ของพระพุทธเจ้า ว่า "โรคเป็นรูป มีวิญญาณเป็นกรรม" เมื่อจะแก้ ต้องอาศัย "สมุนไพรเป็นรูป มีวิญญาณเป็นธรรม" ได้เดินทางมายาวนาน มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมาย ทำให้ วันนี้ เราจึงยังคงมีหลวงพ่อนิพนธ์ ที่ได้สร้างทางเลือกไว้ให้คนทุกข์ .....
ถึงวันนี้ จึงเป็นวันที่สามเณรนิพนธ์ ต้องมาทำหน้าที่ดักคอ คลื่นมนุษย์ที่กำลังหลงไปในกระแสของยาเคมี ของพ่อค้า รวมทั้งคนชั่วที่หลอกเอาชีวิตคน มาหากิน ในคราบเจ้าพ่อ เจ้าแม่ คนขายสมุนไพร หรือแม้กระทั่งห่มผ้าเหลือง ....
เราเชื่อว่า ต้องมีคนไม่น้อยที่มาสัมผัส และชอบในแนวทางนี้ เฉกเช่นสามเณรในอดีต แม้ว่า จะไม่มีดีกรีแพทย์ศาสตร์ หรือใบรับรองจากสถาบันใดๆ เลยก็ตาม คนแล้วคนเล่าที่ได้ดั่งหวัง จะเป็นคำยึนยันว่า "แม่ชีเมี้ยน ไม่ธรรมดา คำสอนของท่านเป็นของจริง"