บทสนทนา ของหลวงพ่อนิพนธ์ กับพระหนุ่ม ผู้ซึ่งจบมหาวิทยาลัย ในคณะที่หลายคนใฝ่ฝันอยากเรียน เมื่อครั้งที่มีโอกาสได้เข้ามาบวช ในสำนักของท่าน คำสอนแรกที่เอ่ย คือ "ความรู้ในทางโลก ท่านจัดว่าเป็นคนฉลาด แต่ ความรู้ในทางธรรม ท่านจัดว่าเป็นควาย คือ ไม่รู้อะไรเลย"
คำกล่าวนี้สร้างความงุนงงให้แก่พระหนุ่ม ที่ซึ่งเพิ่งมาบวชใหม่ ด้วยความคิดที่ว่า เราก็เรียนรู้เรื่องพระพุทธศาสนา ได้ยิน ได้ฟัง มาก็ไม่น้อย ทำไมท่านจึงกล่าวเช่นนั้น และคำถามที่หลวงพ่อนิพนธ์ได้กล่าวให้เห็นในความจริงข้อนี้ก็คือ "ถ้าท่านมีความรู้ของพระพุทธเจ้าบ้าง ผลที่เกิดกับท่านก็จะไม่เป็นเช่นนี้ เพราะความเชื่อที่ผิด ผลที่เกิดออกมาจึงผิด ความเชื่อที่ถูก ผลที่ออกมาจึงจะถูกต้องได้" ในขณะที่ความรู้ทางโลกของท่าน ก้าวหน้า ความรู้ของพระพุทธเจ้าท่านไม่มี ผลที่ปรากฎฟ้องออกมาก็คือ "สถานะทางโลกท่านกำลังเฟื่องฟู ในขณะที่สภาพร่างกายกำลังถดถอย พูดให้เห็นภาพคือ วิญญาณท่านกำลังตกต่ำ หาทางขึ้นที่สูงไม่ได้เลย"
ด้วยคำสอนในปฐมบทนี้เอง ในเมื่อผลมันฟ้อง ไม่ว่าจะใครจะบิดเบือนอย่างไร สร้างภาพสักฉันใด ว่าเป็นคนดี มีศีลธรรม สักปานใด เมื่อบทสรุปที่ตกแก่วิญญาณปรากฎ ว่าวิญญาณกำลังทุกข์เวทธนา จากผลการกระทำในอดีต ย่อมหมายชัดได้ว่า "การกระทำที่แล้วมา เราทำผิด ผลผิดจึงมาสนองเราแล้ว"
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวสอนว่า เมื่อบุคคลใดมาพบพระพุทธศาสนา ศาสนาจะไม่สนใจเรื่องในอดีตของเขาเหล่านั้น เพราะยังเป็นบุคคลที่ไม่รู้เรื่องศาสนานั่นเอง ทุกคนจึงมาเริ่มต้นใหม่ เริ่มเรียนรู้ ใช้เหตุและผล พิจารณา และนั่นแหละจะเป็นตัวตัดสินว่า คนไหนเป็นคนฉลาด หรือ คนโง่ ที่แท้จริง
คนฉลาด เมื่อเรียนรู้ และเข้าใจเหตุและผล ก็จะน้อมนำเอาธรรมของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ เพราะที่แล้วมาล้วนแล้วแต่ใช้นิสัย สันดาน กรรม มานำชีวิต ก่อให้เกิด "กรรมลิขิต" เมื่อพบธรรมแล้ว จึงเปลี่ยนแปลง มาใช้ นิสัยของพระพุทธเจ้า ก่อให้เกิด "ธรรมลิขิต" เมื่อทำได้ อำนาจของพระธรรม จะก่อให้เกิด "บุญคุ้มครอง" ผลจากการทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านเรียกว่า เป็นการพัฒนาวิญญาณ ให้ขึ้นที่สูง นั่นคือ "สุขวิญญาณ"
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงได้ชี้ให้เห็นว่า วิญญาณของท่านจะสุขได้อย่างไร หากกายของท่านเป็นทุกข์ จากโรคภัย ไข้เจ็บ ผลที่ตามมาจากการปฏิบัติธรรม ทำให้วิญญาณเราเป็นสุข มันจึงต้องฉุดกายของเราให้พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บไปด้วยนั่นเอง ท่านจึงเรียกว่า เป็นของแถมที่พระพุทธเจ้าให้แก่สาวกนั่นเอง
เมื่อเรามาใช้แนวทางสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน ก็เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จากรูปกรรมที่เกิด เพื่อให้มีวันเวลา ในการเรียนรู้ จากคำสอนที่หลวงพ่อนิพนธ์ ถ่ายทอดมา ตั้งแต่ยุคถ้ำกระบอก จนปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่ชี้นำ ให้แก้ที่ต้นเหตุ ดั่งที่พระพุทธเจ้าสอนสาวก นั่นคือ เน้นการพัฒนาวิญญาณ โดยนำธรรมของท่านบางหมวด บางตอน มาพระพฤติปฏิบัติ ให้เกิดผลแก่วิญญาณ ท่านจึงให้มองข้ามเรื่องโรคไป และตั้งใจทานสมุนไพร เพื่อให้มีวันเวลาในการปฏิบัติธรรม กลายเป็นนิสัยใหม่ คือ นิสัยพระพุทธเจ้า เมื่อทำจนเกิดผล โรคอะไรจะมาเหลือ เมื่อบุญเขาส่งให้วิญญาณ เรามีสุข กายจะทุกข์เป็นไปไม่ได้ พระพุทธเจ้าจึงเรียก ลาภจากการประพฤติธรรมว่า "ความไมมีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ"
สรุปคำสอนของแม่ชีเมี้ยน ในผลการกระทำ ที่หลวงพ่อนิพนธ์นำมาเล่า ได้ว่า "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว"
ในเมื่อวิธีต่างๆ ในโลกล้วนแล้วแต่มาจากปัญญากรรม จะทำให้วิญญาณสูงเป็นไปไม่ได้เลย แม่ชีเมี้ยนจึงย้ำเสมอว่า "โรคเกิดแต่กรรม" พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ดังนั้น ความรู้หรือผลผลิต การกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้น จึงช่วยไม่ได้เลย หากแต่มีบุคคลเดียวที่เอาชนะกรรมได้ เรียกได้ว่าเป็น "มนุษย์เหนือโลก" ที่ได้ใช้อำนาจธรรม เอาชนะกรรมได้ ทำให้เป็นที่ประจักษ์ และได้ทิ้งไว้ให้
แม่ชีเมี้ยนท่านเห็น จึงหยิบมาส่งให้ ทุกคนมีสิทธิ์รับไปปฏิบัติ และมีสิทธิที่จะได้สัมผัส บุญของพระพุทธเจ้า มีโอกาสพัฒนาวิญญาณ ผู้ทำได้ เรียกผู้นั้นว่า "ผู้เจริญ" และเป็นคนฉลาดอย่างแท้จริง
คนฉลาดทางโลก ทุ่มเททำตามหมอผี เกจิ พระเก๊ หมอสมุนไพร หมอแผนปัจจุบัน ตามความเชื่อ และเห็นว่าดี สุดท้ายเสียเวลา เสียทรัพย์ และที่สำคัญเสียชีวิต คนฉลาดทางธรรม ทุ่มเททำตามธรรมของพระพุทธเจ้า เงินไม่ต้องเสีย ชีวิตยืนยาว ปลอดภัยจากเภทภัยทั้งปวง
วันนี้ เรามีพระจันทร์โดดเด่น ในยามค่ำคืน ส่องแสง ให้เราเห็นทาง ไม่ต้องเข้ารกเข้าพง จนชีวิตบาดเจ็บ หรือล้มตาย แสงจันทร์ของแม่ชีเมี้ยน สาดส่องด้วยความเมตตามาให้ เมื่อเรามีวาสนาได้พบเห็น ก็ควรพิจารณา แล้วเลือกเดิน ที่จะนำพาชีวิตไปในเส้นทางใด
คนฉลาด มาหาแม่ชีเมี้ยน จึงรีบคว้าความรู้ของพระพุทธเจ้า ไปปฏิบัติ และได้สมุนไพรเป็นของแถม นั้นแหละแบบอย่างที่คนในอดีตยุคถ้ากระบอกแรกๆ เขาทำกัน ทิ้งความกังวลเรื่องโรคไป ตั้งใจปฏิบัติ เขาจึงพบปาฏิหารย์ เมื่อวันหนึ่งตืนมา โรคร้ายก็หายไปจากตัว มาวันนี้ หลวงพ่อนิพนธ์ ก็กำลังจะสร้าง ภาพเหล่านี้ให้กลับมาอีกครั้ง .....