วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ธรรมขันธ์แรก

หลวงพ่อนิพนธ์ ได้ตอกย้ำอยู่เสมอ ถึงความจำเป็นในการนำธรรมของพระพุทธเจ้า มาใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อใช้กรรมที่ทำมา ซึ่งท่านมักเรียกว่า เป็นเสมือนเทคนิค ที่ใช้ในการรักษาโดยสมุนไพร ที่เป็นปัจจัยหลัก ในการทำให้ผู้มาทานสมุนไพร ประสพผลอย่างแน่นอนถ้าทำได้

แม่ชีเมี้ยน ได้ชี้ให้เห็นว่า บุญหรือ อำนาจ หรือ ความศักดิ์สิทธิ์ ของพระพุทธศาสนา อยู่ที่พระธรรม ไม่ใช่พระพุทธ หรือ พระสงฆ์ จึงเห็นได้ว่า ทั้งพระพุทธ และ พระสงฆ์ ล้วนแล้วต้องปฏิบัติธรรม เพื่อให้ได้ซึ่งบุญ มาห่อหุ้ม พาไปนิพพาน

หลวงพ่อนิพนธ์ได้ขยายความให้เห็นในเรื่องนี้ว่า การปฏิบัติธรรม ก็คือ การสร้างคุณสมบัติ หรือ การนำเอานิสัยของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ จนกลายเป็นนิสัยมาตรฐาน พูดง่ายเข้า ก็เปลี่ยนจากสันดานกรรม มาเป็นสันดานธรรมนั่นเอง

ธรรมขันธ์แรกที่ทรงตรัสรู้ คือ "ธรรมหมวดตนพึ่งตน" อันเป็นเทคนิค ที่ถูกนำมาใช้ในการทานสมุนไพร ที่สมาชิกทุกท่าน ต้องแสดงเอกลักษณ์ในธรรมหมวดนี้ให้เห็นอย่างเด่นชัด

หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า มันเป็นความจำเป็น ที่จะต้องบังคับให้สมาชิก มารับสมุนไพรเอง หรือ ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แม้การกระทำดังกล่าว อาจดูเป็นการโหดร้าย ทรมานคนป่วย แต่ก็ต้องทำ เพราะเมื่อทำแล้ว ก็จะเข้าพุทธดำรัสที่ว่า "ทุกข์วันนี้ เพื่อสุขวันหน้า"

เราจึงได้ยินวิทยากรให้ความรู้ทุกครั้งว่า มาเอง รับสมุนไพรเอง รินเอง กินเอง เรื่องอื่นยังพอให้ผู้อื่นช่วยได้ แต่เรื่องของชีวิต ที่กำลังกอบกู้ ถ้าทำได้ต้องทำเอง อย่าใช้คนอื่น สิ่งนี้แหละคือเอกลักษณ์ของ ธรรมและสมุนไพรของพระพุทธเจ้า

แม่ชีเมี้ยน จึงดักคอหลวงพ่อนิพนธ์ไว้ก่อนว่า เมื่อท่านเรียนวิชาสมุนไพรของพระพุทธเจ้าแล้ว แม้ว่าจะดีสักเพียงใด ช่วยชีวิตสรรพสัตว์ได้จริงสักฉันใด ก็จะมีคนนิยมชมชอบจริงไม่มากนัก ดั่งเช่นธรรมของพระโคดม ที่มีคนชอบแค่แปดหมื่นกว่า ทั้งที่ในอินเดียมีคนเป็นร้อยล้าน ฉันใดก็ฉันนั้น ด้วยเหตุแห่งการต้องทำด้วยตนเอง ตามหลักตนพึ่งตน นั่นแล

หลวงพ่อนิพนธ์ เคยถามว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น แม่ชีเมี้ยนได้อรรถาธิบายว่า ก็มนุษย์มันชอบศาสนาขอ เมื่อได้ยินได้ฟังว่า ศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้น อย่างนี้ ไม่ได้ดูในรายละเอียด ก็แห่กันมา เมื่อมาพบของจริง อยากได้ต้องทำเอง ก็หันกลับไปหาพระศิวะ พระนารายณ์ ดีกว่า ขอปุ๊บได้ปั๊บ

หลวงพ่อนิพนธ์จึงดักคอล่วงหน้าว่า ในปีหน้า ท่านจึงคิดว่า น่าจะถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องคัดคนดังกล่าวออกเสีย เพราะคนที่แห่มาตามกระแส ไม่คิดเรียนรู้ และทำ ย่อมไม่มีทางประสพผลในแนวทางนี้อย่างแน่นอน เป็นการเสียเวลาเขา และเสียสมุนไพรเปล่า คาดว่า คงต้องมีกฎใหม่ๆ ออกมา เพื่อให้เหลือเฉพาะคนที่จริงจัง มุ่งหวังผลสำเร็จ

ในอดีต ก็มีคนป่วยหลายราย ที่ได้แสดงเอกลักษณ์นี้อย่างโดดเด่น เรียกได้ว่า "หนามบ่งหนาม" เลย อาทิเช่น คนไข้รายหนึ่ง เป็นช่างเชื่อมท่อแก๊ส ซึ่งเป็นวิชาชีพที่ยากที่สุดของสาขานี้ ทำงานอยู่กับบริษัทน้ำมัน มีหน้าที่เชื่อมท่อแก๊ส วันหนึ่ง ขณะที่กำลังเชื่อมท่อแก๊สอยู่นั้น ปรากฎว่า มีอุบัติเหตุจากการเชื่อมในจุดที่อยู่ถัดไปประมาณสองกิโลเมตร เกิดการระเบิตขึ้นของท่อแก๊ส ส่งผลให้ลามมายังจุดที่เขาทำงาน ผลจากแรงอัดในครั้งนั้น ทำให้ประสาทการมองเห็นของเขาสูญเสียไป จนเหลือแค่เห็นแค่ความสว่างกับความมืด ไม่สามารถมองเห็นภาพใดๆ

เมื่อเขามาเป็นคนไข้ของชมรมคนรักสุขภาพในอดีต ที่ยังให้บริการอยู่ที่ศาลาขนมไทย ด้านหน้าถนนใหญ่ คือ ถนนแสงชูโตสายใหม่ นั่นเอง ในขณะนั้นได้มีการเริ่มก่อสร้างพื้นที่ด้านหลัง ซึ่งเป็นอาคารมูลนิธิไทยกรุณาในปัจจุบัน ด้วยเหตุที่ตามองไม่เห็น พี่เลี้ยงจึงพามานั่งที่อาคารหลังนี้ ที่กำลังขึ้นโครงหลังคา เพื่อรอสมุนไพร

ด้วยเหตุที่มีความชำนาญด้านการเชื่อมมาก เขาสังเกตจากการฟัง ทราบว่า ช่างที่มาทำงาน ในการเชื่อมโครงสร้าง ไม่มีความชำนาญในการเชื่่อมนัก เขาจึงเสนอตัวเพื่อทำงานดังกล่าว แทนที่จะนอนรอสมุนไพร เนื่องจากตาที่มองไม่เห็นนั้นเอง

ด้วยเหตุที่ช่างที่ทำงาน ล้วนแล้วแต่เป็นอาสาสมัครที่มาช่วยกัน ดังนั้น จึงให้เขาลองทำดู เขาใช้ประสาทส่วนที่เหลือทั้งหมด และความชำนาญที่สั่งสมมา ปีนขึ้น ปีนลง และทำการเชื่อมโครงหลังคาของอาคารมูลนิธิไทยกรุณาทั้งหมด

งานดังกล่าวใช้เวลาสามเดือนจึงแล้วเสร็จ เริ่มจากตาที่มองเห็นว่า เป็นกลางวันหรือกลางคืนเท่านั้น หลังจากวันที่งานเสร็จ เขากลับบ้าน และในคืนนั้้นเอง เขาโทรมาบอกหัวหน้าช่างที่คุมงานว่า "พี่ช่าง ผมอ่านหนังสือพิมพ์ได้แล้ว"

ความพยายามที่จะใช้ตา เพื่อทำให้ผู้อื่น ส่งผลให้ตาของเขากลับมาปกติอีกครั้ง เป็นปาฏิหารย์ที่เหลือเชื่อ แต่สิ่งเหล่านี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า กับผู้พยายาม

เราจึงเห็นภาพอย่างนี้ เกิดขึ้นมากมาย อาทิเช่น คนที่เป็นพาร์กินสัน เดินสั่นไป เก็บขยะ ในพื้นที่ชมรม ทีละชื้น เหนื่อยก็หยุด จากวันที่เขานั่งรถเข็นให้สามีเข็น กลายมาเป็นเครื่องช่วยเดิน จนวันนี้แม้ยังไม่สมบูรณ์ เขาก็ช่วยตัวเองได้ และยังคงเดินเก็บขยะอย่างไม่ย่อท้อ

คนที่พยายามใช้หลัก ตนพึ่งตน แล้วประสพผล มีให้เห็นมากมาย ในขณะที่มีมากมายเช่นกัน ที่เราได้ยินได้ฟัง เขาเหล่านั้นพูดว่า "รอให้หายก่อนแล้วจะทำ" คนเหล่านี้ เราไม่เคยเห็นเขาประสพผลจากการทานสมุนไพรเลย

สิ่งที่เราเห็น ทำให้ภาพความเด่นชัด ที่หลวงพ่อนิพนธ์มักเปรียบเทียบให้ฟังว่า มันเป็นความแตกต่าง ของที่นี่ กับที่อื่นๆ นั่นคือเทคนิคของพระพุทธเจ้า หมวด "ตนพึ่งตน" นั่นเอง

ผู้ที่มาแล้วมุ่งหวังจากเสียงเล่าลือ ทานแล้วหาย ดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้ เมื่อมาพบความจริงดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกใจ บางคนมาทาน ไม่กี่ครั้ง ยังไม่หาย ก็ทิ้งไป บางคนมาทานเป็นปีๆ ไม่เรียนรู้ ไม่ทำอะไร ไม่เอาธรรมของพระพุทธเจ้า ไปทำเลย ก็บ่น กินตั้งนานทำไมไม่หายสักที

ปีใหม่นี้ หลวงพ่อนิพนธ์ ท่านจึงกล่าวว่า อยากให้สมาชิก เป็นคนใหม่ มีพฤติกรรมใหม่ คือมีธรรมของพระพุทธเจ้า แล้วจะได้กลายเป็นคนใหม่อย่างแท้จริง นิสัยก็ใหม่ ร่างกายก็ใหม่ ไม่มีโรค ปีใหม่จึงจะเป็นปีใหม่อย่างแท้จริง ไม่ใช่ใหม่แต่ปี นิสัยก็ํยังเหมือนเดิม โรคก็เหมือนเดิม

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44