เรื่องเล่าที่หลวงพ่อนิพนธ์ นำมาเล่าขานเป็นอุธาหรณ์ ให้สมาชิกฟังเสมอๆ ก็คงไม่พ้นประวัติที่ผ่านมาของถ้ำกระบอก นั่นเอง
ในปี 2501 เมื่อแม่ชีเมี้ยนพาพระขึ้นถ้ำกระบอก และสอนวิชาสมุนไพรให้ ท่านจำรูญ และหลวงพ่อนิพนธ์ ได้สำทับเสมอว่า ถ้ำกระบอกจะต้องเจอวิกฤตที่ร้ายแรงในอนาคต สิ่งที่จะทำให้ผ่านวิกฤตได้ก็คือสมุนไพร ดังนั้น การเรียนวิชาสมุนไพรในเวลานั้น จึงต้องเป็นลักษณะเรียนวันนี้ อีกสามวันปฎิบัติเลย จะรอช้าไม่ได้
ปัจจัยที่บีบบังคับอีกอย่าง คือคนที่รออดฝิ่นจากมาตรการทุบบ้องฝิ่นของจอมพลสฤษด์มารออยู่ การเรียนและรักษา จึงกระทำอย่างเร่งรีบจึงดำเนินไปควบคู่กัน ผ่านไปสามปี เข้าปี 2504 เมื่อลูกศิษย์เอกของสังฆราชองค์ปัจจุบัน เป็นทหารคนสนิทของจอมพลสฤษด์ ได้บอกเรื่องราวถ้ำกระบอกแก่ท่าน ทำให้ถ้ำกระบอกพบวิกฤตมาเยือนแล้ว
ข้อหา เป็นผู้หญิงทำตนให้พระไหว้ อุตริมนุษยธรรม ซ่องสุมผู้คนกระทำตนเป็นคอมมิวนิสต์ ถูกระดมมาขนานใหญ่
ทุกสรรพสิ่ง มีคนเกลียดก็มีคนชอบ ท่านหนึ่งในนั้นคือ คุณย่าจงจินต์ มารดาของพลตำรวจเอกประเสริฐ รุจิรวงศ์ ซึ่งนิยมชมชอบในแม่ชีเมี้ยน เมื่อท่านสฤษด์ ได้ให้พล.อ.อ ทวี จุลละทรัพย์ และ พลตำรวจเอก ประเสริฐ รุจิรวงศ์ ไปสอบทานอีกครั้ง หลังจากตั้งข้อหา และออกคำสั่งยิงเป้า แม่ชีเมี้ยน ท่านจำรูญ และ ท่านนิพนธ์ โดยเซ็นต์คำสั่งออกมาจากศรีราชา คุณย่าจงจินต์ทราบคำสั่งดังกล่าว รีบแจ้งแก่ลูกชาย พร้อมกับ พล.อ.อ.ทวี ไปแจ้งความจริงแก่ท่านสฤษด์
เมื่อท่านสฤษด์ทราบความจริง จึงอุทานว่า เกือบหลงเชื่อคนชั่วร่วมฆ่าคนดีแล้วเรา จึงได้ออกคำสั่งระงับ ในขณะที่รถที่นำคำสั่งฆ่าเดินทางมาถึงบางนาแล้ว พร้อมกับรีบแต่งตั้ง ให้พล.อ.อ.ทวี และพล.ต.อ.ประเสริฐ ไปเป็นมรรคทายกวัดถ้ำกระบอก จัดซื้อที่ดินเพิ่มเติม และคอยดูแลอำนวยความสะดวก สร้างความใจหายใจคว่ำแก่คุณย่าจงจินต์ ที่คอยฟังวิทยุรายงานอยู่ตลอด
จวบมาจนวันที่ท่านจำรูญ เปลี่ยนใจ และแจ้งแก่ที่ประชุมสงฆ์ ว่าจะเก็บเงินผู้มาบำบัดยาเสพติด หัวละห้าพันบาท ทำให้สร้างความผิดใจกับพระนิพนธ์ ผู้น้องอย่างยิ่ง จนต้องรีบให้มีการประชุมสงฆ์ด่วน เพื่อตกลงเรื่องนี้
คำที่กล่าวในที่ประชุมสงฆ์ในวันนั้น คือ ข้อตกลงระหว่างแม่ชีเมี้ยน ท่านจำรูญ และท่านนิพนธ์ เมื่อครั้งเริ่มสาบานก่อนเรียนวิชา ว่า "เราทั้งสองจะมาบวช เพื่อโชว์นิสัยของพระพุทธเจ้า" ดังนั้น กิจกรรมที่ทำจึงไม่รับเงิน มาครั้งนี้ การกระทำเยี่ยงนี้ย่อมเป็นไปเพื่อโชว์สันดานตัวเอง ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าแล้ว ทำให้ท่านจำรูญโกรธจนขว้างกระโถนใส่ท่านนิพนธ์
ผลในการประชุมสงฆ์วันนั้น ทำให้วันรุ่งขึ้นพระนิพนธ์ต้องสึก และออกจากถ้ำกระบอกไป ปิดตำนานท่านนิพนธ์ รวมทั้งก่อให้เกิดลูกศิษย์ของท่านนิพนธ์ ก็ได้แตกไปตั้งสำนักของตน หลังการละสังขารของแม่ชีเมี้ยน
ก่อนจากไปตั้งสำนักทั้ง 7 แห่ง หลวงพ่อนิพนธ์ได้กล่าวเตือนพระลูกศิษย์เหล่านั้น ถึงคำสาปของแม่ชีเมี้ยนและพระพุทธเจ้า ให้ฟังอีกครั้ง แต่การกล่าวนั้นก็ไร้ผล ทั้งถ้ำกระบอก และพระ 7 สำนักที่แตกออกไป ล้วนแล้วแต่นำตำราของพระพุทธเจ้าที่แม่ชีเมี้ยนถ่ายทอดมา ไปหาเงินทองจนร่ำรวยมหาศาลทุกวัด
แต่บทสุดท้าย ทุกสำนักก็พบจุดจบดังคำสาปนั้น สมุนไพรแม่ชีเมี้ยน ที่เคยโด่งดัง รักษาโรคให้แก่คนมามากมาย ไม่สามารถช่วยเจ้าอาวาสทั้งหมดนั้นได้เลย เริ่มจากถ้ำกระบอก เจ้าอาวาส ต้องกินวุ้นเส้น เพราะเบาหวาน จนองค์ล่าสุดที่ปิดตำนาน คือ ท่านโกวินทะ ที่หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เมื่อไม่นานนี้เอง
ตำนานที่หลวงพ่อนิพนธ์นำมาเล่าให้ฟังอีกครั้ง พร้อมกับบทสรุปของคำสอนแม่ชีเมี้ยน ที่ว่า "เรามาหาแม่ชีเมี้ยน เพื่อรับนิสัยของพระพุทธเจ้า นำไปปฏิบัติ ให้เกิดบุญ ไปล้างกรรม ที่เราทำมา ผู้ที่มาและเรียนรู้ จึงต้องโชว์นิสัยของพระพุทธเจ้า คือการเสียสละ ให้เห็น ในแผ่นดินนี้ ไม่ใช่มาแล้วเอานิสัยของตนเองมาใช้ที่นี่ มิเช่นนั้นแล้ว ไม่มีทางที่จะประสพผลสำเร็จเลย เพราะพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า โรคเกิดแต่กรรม มีกรรมเป็นเหตุ ถ้าเรามีนิสัยบุญ ก็จะไปล้างกรรมได้ เมื่อไม่มีกรรม เราก็จะได้ไม่มีโรคเป็นของแถม"
ก็ถ้าท่านมาแล้วไม่ฟังคำสอนไปพิจารณา เพื่อนำไปปฏิบัติแล้ว ระวัง "กระโถนบิน" คราวนี้ไม่ใช่จากท่านจำรูญ แต่จะเป็นหลวงพ่อนิพนธ์
องค์ปฐมแห่งตำนานพุทธศาสตร์ โชว์ซึ่งความเสียสละ จากเวียงวัง จากลูกเมีย มาแสวงหาโมกขธรรม แล้วมาสอนสั่ง แล้วทิ้งเป็นวิชาให้เป็นทางรอด เมื่อมีวาสนามาถึงแผ่นดินแม่ชีเมี้ยนแล้ว มาฟังแล้ว ไม่ชอบก็เดินเลยไป แต่ถ้าเห็นดีด้วย ก็มาโชว์ "เสียสละ" เดินตามรอยพระพุทธบาท
จากกระโถนบิน ก็จะกลายเป็นพานทอง หนุนชีวิต ให้พ้นเวร พ้นกรรม ได้สัมผัสความไม่มีโรค และโชว์ให้คนทั้งโลกได้เห็น นิสัยของพระพุทธเจ้า และรู้ว่า คนที่เจริญแล้ว ไม่ได้ดูที่วัตถุ เขาดูที่จิตใจ คนที่มีความสุข ไม่ได้วัดจาก เครื่องใช้ไม้สอย เขาวัดกันที่ กินได้ นอนหลับ .....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น