ในขณะที่บ้านเมืองไทยกำลังวุ่นวายแย่งชิงกัน ช่วงชุลมุนนี้เอง พม่าก็กำลังวุ่นวาย หากแต่เป็นการยุติความขัดแย้ง แล้วแอบดอดมาเอาของดีของประเทศไทยไป
วันอาทิตย์ที่แล้ว องคมนตรีและรัฐบาล ได้ส่ง ส.ส. และ ส.ว. ของรัฐทวาย ๓ ท่าน มารายงานความคืบหน้า และย้ำความจริงจังในโครงการ ว่าทางรัฐบาลพม่าเอาจริง
หากแต่เพื่อแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลพม่าจริงใจ และรับข้อเสนอทุกอย่างที่หลวงพ่อนิพนธ์กำหนด โดยไม่มีข้อแม้
วันพฤหัสที่ผ่านมา องคมนตรีและรัฐบาลพม่า ได้ส่ง ส.ว. และ ส.ส. จากรัฐบาลกลาง ๓ ท่าน มาอีกครั้ง และเชิญหลวงพ่อนิพนธ์ไปยังรัฐทวาย เพื่อลงนามกับรัฐบาลพม่า
ในวันนี้แล้วซิน่ะ เมื่อการลงนามแล้วเสร็จ นั่นหมายความว่า ของดีในเมืองไทย ที่เราคิดว่ายิ่งกว่าทรัพย์สมบัติใดๆ ที่เสียไปเมื่อครั้งกรุงศรีถูกตีแตก สองครั้งรวมกัน ยังไม่เสี้ยวหนึ่งเลย ก็จะตกเป็นของพม่าแล้ว
การมาของ ส.ว. และ ส.ส. จากรัฐบาลกลาง มาพร้อมกับแจ้งรายละเอียด สัญญา รวมถึงการแก้กฎหมายที่ไม่เคยมีเลยในประวัติศาสตร์ของพม่า นั่นคือ การยินยอมให้คนต่างชาติ โอนสัญชาติเป็นพม่าได้
พร้อมกันนี้ ได้นำข้อตกลงจากรัฐบาลกลาง ในการอนุมัติ โดยฉันทามติเป็นเอกฉันท์ ในการที่จะให้รัฐทวาย เป็นรัฐที่มีอำนาจเต็ม สามารถดำเนินการในเรื่องนี้ได้อย่างอิสระ อันจะเป็นรัฐต้นแบบด้านสาธารณสุข ของพม่า ทั้งนี้ หากเรื่องใดที่เสนอไป เพื่อขอความร่วมมือจากรัฐบาลพม่า ทางรัฐบาลจะให้การสนับสนุนเต็มที่ รวมไปถึงข้อกฎหมายต่างๆ ที่มี
เมื่ออาคารต่างๆ แล้วเสร็จ การเปิดบริการของศูนย์ที่ทวาย จะเปิดบริการทุกวัน นั่นหมายความว่า นับจากนี้ คงต้องนับถอยหลังวันที่หลวงพ่อนิพนธ์จะไปอยู่พม่านั่นเอง
หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ที่นั่น จะมีโรงพยาบาลสมุนไพรที่เต็มรูปแบบ ให้บริการแข่งกับโรงพยาบาลสมัยใหม่ โดยไม่มียาเคมีใดๆเลย
ในการนี้ บทแนบในสัญญา คือการให้บริการคนไทยฟรี และ การยินยอมให้นำสมุนไพรจากฝั่งพม่า เข้ามายังฝั่งไทย ซึ่งรัฐบาลพม่า ได้ตกลงและอำนวยความสะดวกในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้ยังมีท่านอยู่ ก็รีบๆเข้า เรียนรู้และช่วยตน เพราะไม่รู้ว่าจะไปวันไหน ...
หากแต่สิ่งหนึ่งที่ให้คำมั่น นั่นคือ สถานที่นี้ยังคงอยู่ ยังคงแจกสมุนไพร แต่ไม่มีตัวท่าน....
ปีหน้า เราจะได้เห็นฤทธิ์ของสมุนไพรสูตรพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา จากศูนย์สงเคราะห์ต่างๆ ที่ทยอยผุดขึ้น นับตั้งแต่ ยาเสพติด เอดส์ มะเร็ง หัวใจ เบาหวาน ....
ถึงวันนี้ วันที่คนไทยนับล้านๆคน แบ่งฝ่ายกำลังห่ำหั่นกัน เพื่ออะไรไม่รู้ .... หามีคนไทยกลุ่มใด ที่จะมายื่้อยุด ฉุดรั้งสิ่งดีๆนี้ไว้ในประเทศไม่มีเลย
เรามาคิดอีกมุม ก็ดีเหมือนกัน สิ่งที่สูงค่า ไม่ควรอยู่กับคนที่ไร้ค่า มีตาหามีแวว ... เพราะคุณค่าที่สูงส่ง ก็จะอยู่ในฐานะเช่น ไก่ได้พลอย สู้ข้าวเปลือกไม่ได้เลย
คำอุปมาของแม่ชีเมี้ยน ที่รำพึงรำพันเมื่อครั้งกระนั้น ยิ่งบาดลึกในใจเรา และ เห็นจริงแท้ และก้มหน้ายอมรับดุษฏีในคำตรัสของท่าน
คำตรัสนั้นคือ " ศาสน์ที่ท่านนำมา แต่คนไทยไม่เอา การสูญเสียศาสน์นี้ไป พิจารณาแล้ว น้ำตาของคนไทยรวมกัน บ่อกว้างยี่สิบวายาวยี่สิบเส้น ยังไม่ถึงครึ่งบ่อ หากแต่น้ำตาของท่าน ที่มีให้แก่คนไทยในการสูญเสียศาสน์อันนี้ บ่อกว้าง สี่สิบวา ยาวสี่สิบเส้น น้ำตาของท่านมากจนล้นบ่อ "
มาวันนี้ ได้เห็นแล้ว ... ว่าจริงดั่งที่ท่านตรัส และก็ได้แต่ปลง เพราะมองซ้ายขวา หาเพื่อนไทย แสดงพลังเพื่อฉุดรั้งสิ่งดีนี้ไว้ ไม่มีเลยนั่นเอง
เรา จึงได้แต่กราบน้อมส่งเสด็จ ให้ท่านไปประดิษสถานในที่อันควร ยังประเทศพม่าด้วยน้ำตา ไว้ ณ ที่นี้