วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

มองต่างมุม

นับจากวันที่เริ่มนำตำราของแม่ชีเมี้ยนมาเปิดช่วยคนอีกครั้ง ในปี ๒๕๓๐ ณ จุดเริ่มคือ บ้านตาชม ซึ่งเป็นบิดาของหลวงพ่อนิพนธ์ ในพื้นที่ประมาณ ๖ ไร่ มาวันนี้ เผลอนิดเดียว ก็ย่างเข้าเลยเบญจเพศของคนไทย คือ ๒๖ ปี เข้าไปแล้ว

ความเพียรพยายามในการสร้างผลงาน ให้เป็นที่ประจักษ์ แก่คนไทย นับว่าสูญเปล่าก็ว่าได้ ไม่ว่าจะมีผู้ประสพผลสำเร็จให้เห็นเป็นตัวเป็นตน ไม่ว่าคนนั้นจะมีชื่อเสียง หรือมีฐานะทางสังคมสักเท่าใด หามีเสียงตอบรับจากสังคมไทย ที่จะหันมามองและเห็นคุณค่า ร่วมกันส่งเสริมให้เป็นทางเลือกไม่

การที่ปรากฎ คือ คำเตือนจากสาธารณสุขทุกเมื่อเชื่อวัน ว่า ให้ทำตามกฎหมาย นั่นคือ ไม่อนุญาตให้รับคนไข้ที่ต้องพักรักษาเพื่อฟื้นฟู โดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

และการที่ยิ่งไปกว่านั้น ที่เราแปลกใจหรืออัศจรรย์ใจในคนไทยอย่างยิ่ง ที่ตั้งหน้าตั้งตาห่ำหั่น ยุยงให้ก่อม๊อบ ไม่ว่าสีใดฝ่ายใด ส่งเสริมความฉิบหายให้ประเทศกันมากมาย แต่ไม่มีเลย ที่จะส่งเสริมให้ก่อม็อบ เมื่อสาธารณสุขของประเทศนี้ ประกาศว่า ขอยึดใบอนุญาติในการบำบัดรักษายาเสพติด คืน แม้นว่าท่านจำรูญแห่งถ้ำกระบอก จะยืนยันและร้องขอให้หลวงพ่อนิพนธ์ ใช้สิทธิ์นี้ในการช่วยเพื่อนมนุษย์นี้ต่อไปแทนตัว หลังจากละสังขาร

ก็ไหนบอกว่ายาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ของชาติ ก็ไหนบอกว่าให้ช่วยกัน ไม่มีแม้แต่เสียงใดๆที่มาส่งเสียงเรียกร้องให้กับหลวงพ่อนิพนธ์แม้แต่เสียงเดียว เพื่อให้เป็นทางเลือกแก่ลูกหลานที่หลงไปในเส้นทางนี้แล้วได้มีโอกาสกลับตัว มาเป็นพลเมืองดีของชาติ

กลับกลายเป็นคนอยากช่วย ต้องโดนสาธารณสุขเล่นงาน ห้ามดำเนินการโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย (เฮงซวย) ของประเทศนี้อีกเช่นเคย

ม๊อบอย่างนี้ไม่ก่อ แต่ม๊อบที่สร้างความฉิบหายแก่บ้านเมือง ยุยงกันเข้าไป ... คิดแล้วเสียงเพลงที่ครั้งหนึ่งเคยฟัง ก็แค่รู้สึกเศร้าใจ แต่วันนี้ เพลงเดียวกันมันเริ่มจะบาดลึก และยิ่งกินใจ เพราะมันคงใกล้จะเกิดในแผ่นดินนี้ แผ่นดินที่อ้างเอ่ยว่าเป็นเมืองพุทธ แต่การกระทำหาความสงบ ดั่งคำสอนไม่ได้เลย แผ่นดินที่ดีแต่พูดให้ดูดี หาการกระทำอันใดตามคำพูดไม่ได้เลย

เสียงเพลงแว่วมาด้วยสำเนียงโหยหวนบาดลึก นั่นคือ ... เรฟูจี ... อีกหน่อย ไม่ใช่เรือที่ลอยลำจะเป็นโรฮิงยา แต่จะกลายเป็นคนไทย ที่ทำลายเมืองกันจนพินาศ ต้องเร่ร่อนแทนกันแน่แล้ว

สิ่งที่น่าแปลกแต่จริง นั่นคือ เมืองไทย เมืองพุทธ เมืองที่เต็มไปด้วยคำสอน อันเป็นเหตุและผล แต่ผู้คนกลับเชื่อคำพูด เชื่อถือใบประกาศ ยอมรับได้แม้นจักไม่เคยมีสักครั้งที่ทำได้ หรือ มีตัวตนจริงให้สัมผัส นั่นคือ เชื่อหมอ เชื่อดีกรี ทั้งๆที่แม้นแต่ตัวหมอเอง ยังไม่รอดจากโรคที่ตัวเองเป็นเลย ส่งเสริมสร้างโรงพยาบาลใหญ่โต ที่มีคำขวัญว่า "ยามเข้าเดินมาอย่างผ่าเผย ยามออกหามไปอย่างเศร้าสร้อย"

วันนี้คงถึงเวลาแล้ว ที่แม่ชีเมี้ยนทรงเห็นว่า คนไทยยากเกินจะสอน จึงเปิดทางให้ คนกลุ่มที่ถูกมองว่าบ้านป่าเมืองเถือน ได้เห็นบ้าง แล้วดูผล

เพียงแค่ไม่กี่เดือน กับผลงานที่หลวงพ่อนิพนธ์ไปสร้างในแดนดินของพม่า คนทุกระดับชั้นของพม่าต่างตื่นตัว และมองเห็นค่าในสิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์มี

การขยายตัวของความตื่นตัวนี้ รวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ วันนี้ พม่าได้เชิญให้หลวงพ่อนิพนธ์ไปเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารของศูนย์ ที่ได้จัดสร้างขึ้นที่ บ้านมิต้า รัฐทวาย ของพม่า

ทางรัฐบาลพม่าแจ้งกับหลวงพ่อนิพนธ์ว่า ที่เดิมที่เอกชนยกให้ในการจัดสร้างศูนย์ จำนวน ๑๖๐๐ ไร่นั้น รัฐบาลได้กันพื้นที่อีกประมาณ ๕๐๐๐ ไร่รอบบริเวณศูนย์ เพื่อจัดเตรียมให้หลวงพ่อนิพนธ์ใช้ และพร้อมสร้างเมืองใหม่เพื่อรองรับกิจกรรม ตามแต่หลวงพ่อนิพนธ์ดำริ

แม้นว่ารัฐบาลพม่าจะไม่มีงบประมาณ โดยเฉพาะที่ผ่านมา รัฐทวายถือได้ว่าเป็นรัฐที่มีการจัดสรรงบประมาณน้อยที่สุด และมีความเจริญค่อนข้างน้อย ดังนั้น ฝ่ายรัฐบาลสนับสนุนในด้านพื้นที่ และจะออกกฎหมายเป็นกรณีพิเศษสำหรับกิจกรรมของหลวงพ่อนิพนธ์ พร้อมทั้งออกใบอนุญาตในการจัดตั้ง โรงพยาบาล และใบอนุญาตทางการแพทย์

ในขณะที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมด พ่อค้าและผู้มีฐานะของพม่า ได้รวมตัวกันรับผิดชอบทั้งหมด โดยจะไม่ให้หลวงพ่อนิพนธ์และคณะต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลย

ทางพม่าแจ้งว่า เพื่อความสะดวกแก่หลวงพ่อนิพนธ์และคณะ จึงขออนุญาตสร้างอาคาร ๓ ชั้น เพื่อที่จะให้ใช้เป็นที่พักอาศัย เมื่อพำนักในพม่า

และเมื่อประกาศโครงการนี้ไปให้แก่ประชาชนในรัฐทวายทราบ ก็มีจิตอาสาที่เป็นคนรุ่นหนุ่มสาวมาสมัครเป็นจิตอาสากันอย่างมากมาย จนโครงการที่จะส่งจิตอาสาเหล่านี้มาฝึกงานและดูงานที่ชมรมคนรักสุขภาพที่ตั้งไว้แต่เดิม ต้องปรับเปลี่ยนแบ่งกลุ่มเป็นรุ่นๆ ถึง ๗ รุ่น

หลังจากวันนี้ไป ทางพม่าแจ้งให้ทราบว่า จะเร่งรีบดำเนินโครงการให้เร็วที่สุด และขณะนี้ได้รับการสนับสนุนกำลังพลจากทหาร ในการพัฒนาผืนดินเพื่อดำเนินการปลูกสมุนไพร ทั้งนี้กำลังพลที่มาได้พร้อมใจกล่าวว่า จะไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ แต่หลวงพ่อนิพนธ์ก็ไม่ยอม อย่างน้อยก็ต้องขอรับผิดชอบในด้านอาหารการกินบ้าง

การวางศิลาฤกษ์วันนี้ จึงวางพร้อม มะพร้าวน้ำหอม ดีปลี พริกไทย ขีง อย่างละประมาณพันต้น เป็นปฐมฤกษ์ ในแผ่นดินนั้น ....

ความแตกต่าง ... ที่เจ้าหน้าที่รัฐไทยกล่าวกับหลวงพ่อนิพนธ์ คือ ห้ามดำเนินการใดๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาต มิฉะนั้นจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย และเจ้าหน้าที่รัฐที่สนับสนุนกิจกรรมของหลวงพ่อนิพนธ์ ก็จะถูกโยกย้ายทันที เพราะท่านไม่มีใบอนุญาต ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของพม่า กล่าวกับหลวงพ่อนิพนธ์ว่า ผมไม่รู้ว่าท่านทำได้อย่างไร แต่ผมเห็นแล้วว่าสิ่งที่ท่านทำไม่ธรรมดา คนอื่นทำไม่ได้ ผมอยากขอให้ท่านมาทำให้คนของผมบ้างจะได้หรือไม่

สำหรับเรา คนไทยสมัยนี้ ชวนเพื่อนฝูงพี่น้อง ตั้งม๊อบตีกัน หาสาระไม่ได้เลย คนพม่าสมัยนี้ ชวนศัตรูที่รบกันมานมนาน หยุดตีกัน มาตั้งม๊อบปนึกกำลังสร้างความผาสุขให้แก่คนในชาติ

ภาพผู้นำทหารพม่าและผู้นำทหารกะเหรี่ยง ที่วางปืนไว้ด้านนอก แล้วจับมือกันมาร่วมพูดคุย เพื่อสร้างกิจกรรมนี้ จึงเป็นภาพมหัศจรรย์ที่หาดูไม่ได้ หากไม่มีสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน ไม่มีธรรมคำสอนของพระภูมี

มุมมองของสิ่งเดียวกัน จากคนไทย และจากคนพม่า ทำไมจึงแตกต่างกันนัก ... ไม่ผิดจากคำตัดพ้อของแม่ชีเมี้ยน ที่ทรงตรัสไว้ในยุคนั้นว่า .. กรรมอะไรของคนไทยเล่า ช่างโง่เง่าเบาปัญญาน่าใจหาย สิ่งดีๆมาอุบัติในแผ่นดิน กลับมองไม่เห็น และทำลายสิ้น...

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44