คำถามที่หลายคนสงสัย ว่า ทำไมที่นี่จึงห้ามกินสารสกัดทั้งหลายแหล่
หลวงพ่อนิพนธ์ กล่าวว่า ศาสตร์อันหนึ่งแห่งร่างกายมนุษย์ ที่หลายคนไม่รู้ นั่นคือ กระบวนการของร่างกาย ในการนำอาหาร หรือ วัตถุดิบ เข้าสู่ร่างกาย
เมื่อคนเราทานอาหารเข้าไป ร่างกายจะหลั่งน้ำกลั่นบริสุทธิ์ เข้ามาคลุกเคล้ากับอาหารนั้น กระบวนการนี้ มีหน้าที่คล้ายกับกระบวนการสั่งซึือนั่นเอง โดยอุปมาเหมือนการใส่รหัสเข้าไปในอาหาร หรือเรียกว่า บอกความต้องการว่า จากวัตถุดิบที่เข้ามา ร่างกายต้องการอะไร และที่สำคัญ เมื่อได้สารนั้นออกมา จะนำไปไหน
กระบวนการนี้เอง ที่ใช้ได้กับวัตถุดิบธรรมชาติ พูดง่ายๆก็คือ ย่อยได้ เมื่อวัตถุดิบที่เข้ามาแล้วนั้น ย่อยไม่ได้ อาทิ แกลบ ทราย สารเคมี หรือสารที่สกัด กระบวนการนี้จะไม่ทำงาน
ผลที่เกิดกับสารเหล่านี้ มีสองประการนั่นคือ ร่างกายจักต้องกำจัดสารนั้นออกไป และสารนั้นจะไม่มีการเข้ารหัส
หากแต่สิ่งที่ร่างกายกำจัดออกได้ ก็ไม่มีปัญหา หากแต่สารเคมีส่วนเกิน และสารสกัด จะถูกดูดซึมเข้าระบบ
ปัญหาของสารเคมีส่วนเกิน นั่นคือ หากไปตกอยู่ที่ใด นั่นคือ จุดเริ่มของหายนะของร่างกาย
ปัญหาของสารสกัด คือ หลอกร่างกาย ทำให้เซลล์ของอวัยวะที่ผลิตสารนั้น ไม่ทำงาน อ่อนแอลง จนถึงขั้นหยุดทำงาน
ยกตัวอย่างเช่น เบาหวาน หากคนที่มีอาการเบาหวานในระยะเริ่มแรก เมื่อทราบ ก็ดูแลตน ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อร่างกายทราบวิกฤติจากสภาวะเบาหวานที่เกิด ตับอ่อนก็จะทำงาน เพื่อให้ร่างกายพ้นจากวิกฤตนั้น
หากคนผู้นั้น ทานอินซูลินสังเคราะห์ ร่างกายก็ไม่รับรู้วิกฤติ ตับอ่อนก็ไม่ต้องทำงาน ในที่สุด การสร้างอินซูลินจากตับอ่อน ก็จะทำได้น้อยลง จนทำไม่ได้เลย นั่นคือ การเป็นเบาหวานถาวร
ท้ายที่สุด เมื่อทานไม่พอ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นฉีด จนร่างกายปฏิเสธอินซูลินสังเคราะห์ นั่นคือ หมอปฏิเสธการรักษา
วันนี้ เห็นคนมากมายให้วิตามินเม็ดลูกทานตั้งแต่เด็ก ... ก็ไม่น่าแปลกใจว่าคนสมัยนี้ หนุ่มสาวก็โรคถามหาแล้ว
ขนาดเครื่องดื่มชูกำลัง ยังใส่ให้กิน และคนก็กินหน้าตาเฉย ... ระวังเน้อ
สารสกัดทุกชนิด จึงเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ไม่มีความจำเป็น และที่สำคัญ รังแต่ทำให้อวัยวะของเราท่านอ่อนแอลง ขึ้เกียจทำงาน ถึงเวลาคับขัน กว่าจะรู้ ก็สายเสียแล้ว ฟื้นฟูกลับมาไม่ทัน
คนสมัยก่อนหาไตวายยากยิ่ง คนสมัยนี้ ก็กินกันจนไตพังให้เห็นมากมาย ผ่าออกมาดู แข็งเป็นหิน สารเคมีทั้งนั้น