คนที่มาก่อน ย่อมต้องเป็นผู้สร้างรอยให้คนตามมาข้างหลัง ได้เรียนรู้
หลายคนที่ประสพผลสำเร็จ ก็อยากทำตนเป็นพระมาลัย อยากจะมาบอก มาเล่าให้คนที่เดินตามมาว่า รอยที่ทำเป็นเช่นไร เพื่อให้คนที่ตามมา ได้เดินบ้าง
สัปดาห์ที่แล้ว ก็มีแม่ชีสูงวัยท่านหนึ่ง อยากจะเป็นผู้ชี้รอยนี้ เหตุเนื่องจากตัวท่านเองเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ อยู่ในจุดที่ผ่าตัดไม่ได้ และลุกลามไปที่มดลูก จนเกิดอาการเน่า มีอาการถ่ายเป็นเลือด และมีชิ้นเนื้อหลุดออกมา หมอให้คำวินิจฉัยสุดท้าย ด้วยวาจาอมตะ และกำหนดระยะว่า คงอยู่ได้ประมาณ ๑ เดือน อย่างดีก็ไม่เกิน ๓ เดือน พร้อมกับทิ้งคนไข้
แม่ชีได้ข่าวมูลนิธิ ก็มาใช้ทางเลือกสายนี้ จนถึงวันนี้ ผ่านมาก็ ๓ ปีแล้ว จนล่าสุด ไปตรวจร่างกาย ก็พบว่าตนไม่มีเชื้อมะเร็ง อยากจะมาชี้รอยให้ดู เฉกเช่นเดียวกันจิตอาสาหญิงท่านหนึ่ง ที่อายุยังไม่เข้ากลางคน ก็ประสพโชคชะตาเช่นเดียวกับแม่ชี ใช้น้ำอดน้ำทน ในการกอบกู้ชีวิต หากแต่สิ่งที่เธอผ่าน และอยากให้คนที่เดินตามมารู้ ว่ากว่าจะได้มา นั่นคือ เธอต้องใช้ความอดทน ในการทนปวด ในช่วงระยะเวลาของการลงแดง อย่างมากมาย เพราะเธอปวดเจียนตาย ครั้งสุดท้ายของการปวดก่อนที่จะหาย ความปวดของเธอค่อยๆทวีขึ้น จนท้ายที่สุด เธอหมดสติไป
หลังจากการปวดครั้งนั้น เมื่อเธอฟื้นขึ้นมา เธอก็ไม่เคยปวดอีกเลย นับจากวันแรกจนวันนี้ ครบหนึ่งปีพอดี
รอยของผู้ประสพผล ย่อมสร้างกำลังใจ สำหรับผู้เดินตาม หากแต่รอยของผู้ล้มเหลว ก็เป็นอุทาหรณ์อย่างดีเช่นกัน
ดังเช่นกรรมการท่านหนึ่งที่ได้เคยกล่าว ที่ประสพอาการกล้ามเนื้ออ่อนล้า แขนขาไม่มีแรง ที่มาทานสมุนไพรไป พร้อมกับทานยาหมอควบคุมความดันไป แม้นหลวงพ่อนิพนธ์จะกล่าวเตือนสักฉันใด ชี้ให้เห็นประโยชน์ของความดันสักฉันใด กรรมการท่านนี้ก็พอใจที่จะรักษาความดันของตน ด้วยการทานยาหมอ
ยิ่งได้ทราบว่า การทานสมุนไพรลูกกลอนน้ำผึ้ง ยิ่งทาน ความดันยิ่งสูง ด้วยความเชื่อในคำหมอ สมุนไพรตัวอื่น ทานหมด แต่ตัวนี้ทานนิดหน่อย เพราะไม่อยากให้ความดันขึ้น และก็ดีใจที่ตลอดมา ความดันของตน อยู่ในเกณฑ์ที่หมอกำหนดตลอด เพราะคุมด้วยยาหมอ
จนวันหนึ่ง เส้นเลือดในสมองก็แตก และต้องนอนในห้องไอซียู จนทุกวันนี้ แตกทั้งๆที่ทานยาคุมความดันนั่นเอง
รอยแบบนี้ หลวงพ่อนิพนธ์มักอุปมาให้เห็นว่าทำตนเหมือน เหยียบเรือสองแคม หากแต่เมื่อแล่นออกจากท่า เรือสองลำนี้แล่นไปคนละทิศ เคมีทาง สมุนไพรทาง นั่นก็หมายความว่า คนที่ยืนย่อมต้องตกน้ำอย่างแน่นอน
การดูคนรอบข้างที่มา จะช่วยให้เราได้เรียนรู้ คนที่ชอบคุย ชอบเล่นโทรศัพท์ ในห้องสวดมนต์ พักนี้ไม่เห็นเลย ไปไหนแล้ว คนนั้นที่ดูว่าอาการหนัก วันนี้เดินปร๋อเชียว ย่อมทำให้เห็นรอยต่างๆว่า รอยแบบไหน ผลจะเป็นเช่นไร
รอยที่เราเห็นแล้วชอบ ก็อาทิเช่น คนไข้วันพฤหัสที่เป็นผู้หญิงท่านหนึ่ง มีอาการชัก แรกๆมา ชักวันละหลายครั้ง หากแต่เธอยืนยันทุกครั้งว่า เธอจะเข้าสวดมนต์ และฟังหลวงพ่อนิพนธ์
หลายคนจึงเห็นคนไข้ท่านนี้ ชักบ่อยๆ ในห้องสวดมนต์ จากที่ตกใจแตกตื่น จนกลายเป็นเฉยๆ รู้ว่าเดี๊ยวสักพักเธอก็ฟื้น ผ่านมาเพียงเดือนสองเดือน พฤหัสที่แล้ว เราก็ไม่เห็นอาการชักของเธอซะแล้ว แต่ก็ยังมีอาการเบลอๆ ให้เห็นบ้าง
สิ่งที่น่าเสียดาย ที่หลวงพ่อนิพนธ์มักจะกล่าว นั่นคือ รอยเหล่านี้ เรียกว่าเป็นความมหัศจรรย์ แต่สำหรับคนไทย .... เฉย ไม่รู้สึก
คนนั้นเดินไม่ได้ กลับมาเดินได้ ก็เฉยๆ คนนั้นหมอบอกตาย แต่ยังไม่ตาย ดูก็ไม่มีแววตาย ... ก็เฉยๆ อย่างด็อกเตอร์ที่มาช่วยจัดแถววันพฤหัส หมอบอกอยู่ไม่เกินสามเดือน นี่ก็ปีนึงแล้ว ดูไม่มีแววตายเลย ... ก็เฉยๆ ....
ทำไมจึงบอกว่าเฉย ก็เพราะดูจากพฤติกรรม ยามเข้ามาในพื้นที่มงคลนี้ หาความสงบไม่ได้เลย นั่นจึงเป็นเครื่องชี้ว่า ภาพมหัศจรรย์ที่ปรากฎ ที่คนทั้งโลกทำไม่ได้ พระเจ้าองค์ไหนที่ว่าแน่ หมอที่ว่าเก่ง เจ้าพ่อเจ้าแม่ เจ้าลัทธิใดๆ ไปถวายก็เผ่นหนี แม่ชีเมี้ยน พระภูมีทำให้เห็น หามีความประทับใจ หรือตราตรึง ให้เกิดศรัทธา จนไปลดกิริยา หรือควบคุมการกระทำของตน ว่า เราท่านเจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ... ไม่มีเลยนั่นเอง
ความสงบ โรงทาน จิตอาสา จึงเป็นสัญญลักษณ์ ที่สะท้อนให้เห็นความเชื่อ เมื่อได้พบรอยของพระภูมี หรือ สิ่งศํกดิ์สิทธิ์
รอยประทับให้เห็นมากมาย แต่เปลี่ยนคนไทย แม้แต่สักกลุ่มเล็กๆยังไม่ได้เลย นั่นก็หมายความว่า คนไทยดิบเกิน ...