นั่นหมายความว่า ประตูบุญที่เคยเปิด ก็จะกำลังถูกปิดไปอีกบาน อันหมายถึง การบริจาคเงินช่วยเป็นกองทุนสมุนไพร ก็จะไม่มีเหมือนในอดีต จะมีก็แต่วันเดียวในรอบปี ที่มีโอกาสจะเปิดบาตร นั่นคือ วันงานรำลึกคุณแม่ชีเมี้ยน
ก็แล้วค่าใช้จ่ายที่จะมาดำเนินกิจกรรมจักทำอย่างไรเล่า หลักตนพึ่งตน ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ก็ชี้ช่อง อาศัยความร่วมมือร่วมใจของเหล่าสมาชิกนั่นเอง
รายได้ที่จะพึงเกิด เพื่อรวบรวมมาเป็นกองทุนส่วนกลางในปีหน้า จึงมีจุดเริ่มจากน้ำจิตน้ำใจ และน้ำแรง ใครมีแรงมาช่วยกันทำในสิ่งที่ตนเองถนัดและมีฝีมือ ทำอาหารเป็น ก็มาทำอาหาร ทำขนมได้ ก็มาทำขนม มีของดีอย่างไร ไม่ว่าทำเอง หรือ หาแหล่งที่ถูกได้ ก็นำมาเสนอ แล้วขายให้แก่สมาชิกในราคาที่ถูก
ต้นทุนการนำมา ก็จะให้กลับคืนไป ส่วนต่างกำไร ก็จะจัดเข้ากองทุนสมุนไพรทั้งหมด
ดังนั้น ปีหน้า มูลนิธิ ก็จะมีตลาดย่อมๆ มีสินค้าที่หลากหลาย ให้เพื่อนสมาชิกได้อุดหนุน เป็นสิ่นค้าดี ราคาถูก
ใครอยากร่วมกิจกรรมนี้ ในท้องถิ่นของตน เห็นสินค้าดีมีคุณภาพ อยากช่วยคนทำ และช่วยมูลนิธิไทยกรุณา ก็นำมาเสนอได้
สิ่งเก่าคือ การเปิดรับบริจาค ก็จักไม่มีต่อไป สิ่งใหม่ ก็คือ โรงทาน ที่เป็นแหล่งทุนในการจัดซื้อสมุนไพร ที่อยู่ในรูปของตลาดสินค้า อยากช่วยกิจกรรมของมูลนิธิ ก็ไปช่วยกันซื้อ
หากวงจรนี้ทำให้การดำเนินการอยู่ได้ นั่นก็หมายความว่า สถานที่นี้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการช่วยเหลือจากภาครัฐ หรือ งอนง้อเศรษฐีใด .. การดำนเนินการก็จักเป็นไปในตามครรลองคลองธรรม ผู้ที่มาใช้บริการในการฟื้นฟูตน ไม่ว่ายากดี มีจน ก็มีโอกาสมารับน้ำใจจากคนในมูลนิธิได้เหมือนกัน
นี่แหละ สายธารแห่งคุณธรรม คนละหยด ก็เพียงพอเหมือนทำตนเป็นเม็ดทราย แม้นเจดีย์จะใหญ่สักฉันใด เม็ดทรายเล็กๆรวมกัน ก็ก่อขึ้นมาได้
เมื่อตลอดเส้นทางของการฟื้นฟู ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม แล้วไซร้ อันหมายความถึง มีรากฐานที่มาจากการให้ จากคุณธรรมน้ำจิตน้ำใจ แล้วไซร้ ... ทีนี้มาลองดู ปาฏิหาริย์ หรือฤทธิ์ที่พึงเกิด ... สมุนไพรพร้อม คนให้ คนทาน พฤติกรรม พร้อม ... เราท่านจักเห็นคนหายโรคเดินกันให้เกลื่อน เป็นดินแดนมหัศจรรย์ นั่นคือแผ่นดินของแม่ชีเมี้ยน อย่างแน่นอน