การกระทำที่ผิด โดยเฉพาะสิ่งที่แม่ชีเมี้ยนทรงเรียกว่า ไม่ใช่การกระทำของสงฆ์นั้น จึงมักได้รับการเตือนจากฟ้าดินอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกิดการสำนึกและแก้ไข
หลวงพ่อนิพนธ์เล่าถึงอดีตที่เป็นพระ ขณะที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย หน้าที่หลักอันหนึ่งที่ต้องทำเป็นประจำคือ การโปรดโยม
วันหนึ่ง ท่านเกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นในการโปรดโยม นั่นคือ เมื่อพูดกับโยมจะจบประโยคว่า "น่ะจ๊ะ" เพราะท่านคิดว่าจะทำให้รู้สึกนิ่มนวล และเป็นที่ชมชอบ
หลังจากการโปรดโยมในวันนั้น ท่านก็มีอาการปวดหัวไป ๓ วัน ทำให้ต้องหยุดโปรดโยมชั่วคราว
หลวงพ่อนิพนธ์จึงเรียนถามแม่ชีเมี้ยนว่า อาการที่เป็น มีสาเหตุจากอะไร
แม่ชีเมี้ยนทรงตอบว่า ก็ไอ้น่ะจ๊ะของท่านนั่นแหละ
สงฆ์ของพระภูมีเขาไม่ทำกัน มันไม่ใช่กิริยาของสงฆ์
นับตั้งแต่นั้นมา หลวงพ่อนิพนธ์จึงไม่กล้าพูดคำว่าน่ะจ๊ะในการโปรดโยมอีกเลย
หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกว่า นี่คือเหตุผลที่ต้องมีครูบาอาจารย์ เพื่อที่จะได้รู้ว่า ผลที่เกิด มันมีเหตุจากอะไร จะได้แก้ได้ตรงจุด
เรามักได้ยิน จิตอาสา หรือ คนไข้ทั่วไป มักจะคิดเอาเองว่าสาเหตุจากนั่นจากโน่น บางทีก็พาลไปถึงสมุนไพร เมื่อประสพกับอาการที่ตนเองไม่เคยเป็นมาก่อน
ท้ายที่สุด ก็เลยเลิกราจากการทานสมุนไพรไป พร้อมกับความผิดหวัง
เราท่านจึงต้องมีครูบาอาจารย์ ไว้สอบถาม ว่าสิ่งที่เกิด มันมาจากอะไร เป็นกรรมเก่า ที่เราต้องรับ หรือเราท่านทำผิด เขามาเตือนให้แก้ไข ....
เราท่านจึงขาดครูบาอาจารย์ไม่ได้ .....
ดูอดีตที่ถ้ำกระบอกขาดแม่ชีเมี้ยน หัวทิ่มยังไงก็แบบนั้น
บทสรุปในคำสอนจึงชี้ให้เห็น สิ่งที่เราคิดว่าดีแล้วทำ อาจจะผิดก็ได้ และผลหรือสภาพเลวร้ายที่เกิด อาจเป็นสิ่งดีก็ได้
สงสัยอะไรให้รีบถามหลวงพ่อนิพนธ์ อย่าทิ้งไว้ให้คาใจ มิฉะนั้น มันจะพาให้เราห่างไปเรื่อยๆ จนกู่ไม่กลับ