แต่สิ่งที่น้อยคนจะเคยคิด นั่นคือ ภาพย้อนกลับ ว่าสิ่งที่แม่ชีเมี้ยน พระภูมี และหลวงพ่อนิพนธ์ปรารถนา คือ อะไร
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีคนไข้หญิงท่านหนึ่ง นำเงินแสนมาให้ ด้วยความศรัทธา และปรารถนาดี
สอบถามได้ใจความว่า เธอป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านม และอาการลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง จนเข้าขั้นวิกฤต และได้รับคำอมตะจากหมอ
เธอได้มาใช้ทางเลือกสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน และรักษาตน จนผ่านไป ๔ ปี ผลการตรวจสุขภาพครั้งล่าสุด สิ่งที่เธอปรารถนาก็เป็นจริง
เธอจึงอยากช่วยสมทบในการดำเนินกิจกรรมกับหลวงพ่อนิพนธ์ ด้วยความศรัทธา และซาบซื้งในสิ่งที่ได้รับ
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า สิ่งที่ศาสนาต้องการ หาใช่เงินที่นำมามอบให้ไม่ เพราะสิ่งนั้นนับได้ว่ามีค่าเพียงน้อยนิด แต่สิ่งที่เธอมีและมีค่ามากกว่า อันเป็นสิ่งที่ศาสนาอยากได้ เธอกลับเก็บเอาไว้ ทำให้ไร้ค่า ไร้ประโยชน์อย่างน่าเสียดาย
สิ่งนั้นคือ อัตชีวประวัติของเธอ ที่ควรได้เผยแผ่ให้แก่คนรุ่นหลัง ได้ดูรอย และทำเป็นตัวอย่าง อันหมายถึงหน้าที่ที่คนที่หายแล้วทุกคนควรทำ นั่นคือ การเป็นพระมาลัยโปรดสัตว์
การเปิดเผยตน และเผยแผ่เรื่องราว ประสพการณ์ ๔ ปี ที่เธอฟันฝ่าต่างหาก สิ่งนี้จะมีค่าอันมหาศาล เป็นกำลังใจ ให้แก่คนไข้ที่มาทีหลัง หรือยังไม่ได้มา ได้เห็นทางเลือก คือ สมุนไพรของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา แล้วเห็นร่องรอย ความเป็นไปได้ จนเกิดกำลังใจ ในการช่วยตนเอง และทำตนเป็นคนดี ตามรอยคำสอนของพระภูมี
การเก็บเงียบ ก็เท่ากับปิดทาง หรือบังทาง ที่จะให้ผู้อื่นได้เดินตาม เรียกได้ว่า ขาดคุณธรรม เพราะเป็นผู้รู้ เห็นคนทุกข์แล้วไม่ช่วยชี้ทางนั่นเอง
หากทุกคนที่หายคิดแบบนี้ หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า แล้วสมุนไพรเขาจะได้โอกาสเป็นทางเลือกของมนุษย์ได้หรือ เพราะทุกคนคิดแต่จะเอาตัวรอด ปิดไว้ บังไว้ แล้วมองดูคลื่นมนุษย์ที่กำลังเข้าสู่หายนะ ด้วยหลงทางไปในทางที่ผิด แล้วตายตกตามกัน
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า เก็บเงินแสนของเธอคืนไป แล้วทำในสิ่งที่ควร อันเป็นเครื่องหมายของคนมีคุณธรรม นั่นคือ การทำหน้าที่ "แม่มาลัยโปรดสัตว์" นั่นแหละสิ่งที่ศาสน์เขาอยากได้ เพราะสมุนไพรเขาจะได้ไม่เป็นสองรองใคร