กว่าจะรู้ว่าบุญที่คนเหล่านั้น หลอกให้ทำนั้นมันของเก๊ ชีวิตก็ต้องดับสูญ หรือหายนะไปทั้งที่ทำ
หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักอุปมาสิ่งนี้เหมือนพระเก๊ ที่มาหลอกขาย เราท่านไม่รู้ ก็เชื่อว่าจริง มีมงคล จะราคาสักเท่าไรก็หาเช่ามา เพื่อช่วยตน กว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอก ก็เมื่อชีวิตสิ้นสูญ หรือ หายนะแล้วนั่นเอง
นั่นหมายความว่า คนไทยที่เรียกว่าเป็นเมืองพุทธ จะมีสักกี่คนรู้ว่า เมื่อถึงกำหนด โลกจะมีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่มาสังคายนาศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์เดิม แล้วเริ่มต้นพุทธศักราชที่ ๑ ใหม่
วัดต่างๆ ในประเทศไทย ไม่มีเรื่องราวเหล่านี้เลย ในขณะที่เราท่านเหลียวมองเมืองพุทธที่อยู่ใกล้เคียง นั่นคือ ประเทศพม่า
ไม่ว่าวัดใหญ่น้อย ประตูสี่ด้านของวัด จะมีพระพุทธเจ้าประจำทิศ อันได้แก่ พระพุทธเจ้าสี่ยุคหลัง หรือเรียก หนึ่งกัป คือ หมื่นปี โดยเริ่มจาก พระกุสันโธ พระโคนาคม พระกัสปะ จนมาถึงองค์ล่าสุด พระโคดม
สิ่งนี้เป็นเครื่องหมายที่ใช้เตือนใจชาวพุทธ เพื่อให้ทำตนรอพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ที่จะมาอุบัติ
ด้วยความไม่รู้เรื่องศาสนานี้เอง แม่ชีเมี้ยน จึงต้องขุดเอาศาสนามาให้เราท่าน ได้รู้ในสิ่งที่พระภูมีตรัสรู้ นั่นคือ "กรรมอุปาทาน" หรือ ทุกสรรพสิ่งที่เกิดล้วนแล้วเกิดจากกรรมที่เราท่านทำมาทั้งหมดทั้งสิ้นนั่นเอง
เมื่อเราท่านไม่เชื่อเรื่องกรรมอุปาทาน หรือที่หลวงพ่อนิพนธ์เรียกว่า ไม่เชื่อเรื่องกรรม เราท่านจึงเชื่อว่า สิ่งอื่นหรือผู้อื่นจะเป็นที่พึ่งแก่ตนของเราท่านได้ โดยดูจากชีวิตประจำวัน เช่น รถ เรือ ทีวี เครื่องบิน ... จนเชื่อว่าเรื่องของชีิวต ก็เช่นกัน
ดังนั้น เมื่อเราได้เรียนรู้เบื้องต้น เราก็จะเข้าใจได้ว่า ทำไมจึงไม่มีใครค้นคว้ายารักษาโรคได้
และสาเหตุที่หลวงพ่อนิพนธ์ให้เราท่านหยุดยาเคมี
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงสรุปให้ฟังว่า การทานสมุนไพร ไม่เพียงแต่ดำเนินตามหลักธรรมชาติ หากยังเป็นการปฏิบัติตามคำสอนของพระภูมีหมวดหนึ่งด้วย
นั่นหมายความว่า "การทานสมุนไพร คือ การปฏิบัติตนเพื่อรอรับพระภูมีองค์ใหม่ที่จะมาอุบัตินั่นเอง"