หากแต่โรคที่แม้แต่พระภูมียังกลัว เพราะหมดภูมิที่จะแก้ไข หลวงพ่อนิพนธ์เรียกว่า "โรคสันดาน"
แม้จะพูดสักฉันใด ก็ไม่สามารถทำให้คนที่เป็นโรคนี้ สามารถเดินเข้ามาในครรลองของพระภูมีได้ มิหนำซ้ำ เมื่อคนเหล่านี้ ไม่ประสพผล ก็จะตีโพยตีพาย โทษนั่นโทษนี่
สถานที่นี้ หลวงพ่อนิพนธ์มักกล่าวว่า เหมือนไพ่ แบไต๋เล่นกันเลย พูดความจริง ดังนั้น หากไม่คิดจะทำ หรือไม่ทำ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาทำไม ได้แต่ทำใจกับคนพวกนี้ เพราะไม่มีทางช่วยได้นั่นเอง
คำสอนที่เป็นเส้นขีดให้เดินว่าหนทางของพระภูมี นั่นคือ "ความสงบ" เป็นบันไดก้าวแรกที่จะเดินให้ถึงจุดหมาย
ด้วยวินัยอันนี้เอง จึงก่อให้เกิดทุกข์ทางกาย ทางวาจา ทางใจ เพื่อแลกกับทุกข์ที่ต้องผจญจากโรคภัยไข้เจ็บ
นั่นหมายถึง ต้องนั่งทนเมื่อย ทนปวด ต้องกล่าววาจาสวดมนต์ แทนคำพูดเพ้อเจ้อ คุยสรรพเพเหระ ต้องทำใจ แม้กายจะร้อน แต่ใจก็ไม่ร้อน ไม่กระวนกระวายไปกับความร้อนของกาย
ความสงบที่เกิดจากวินัย อันพึงกระทำเมื่อเข้าเขตมงคล คือ สถานที่ของแม่ชีเมี้ยนนี้ เป็นทุกข์ที่นำไปใช้แลกกับทุกข์ ที่จะต้องพึงรับจากโรคภัยไข้เจ็บ
จากต้องร้องโอย มาเป็นเสียงสวดมนต์แทน จากต้องเป็นไข้ตัวร้อน ก็มาทนความร้อนในขณะฟัง จากต้องปวดเจ็บร่างกาย ก็มาทนเมื่อยกับการนั่งในขณะฟังแทน
หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกเสมอว่า สิ่งที่ทำมีผลต่อชีวิต
แต่สิ่งที่ท่านเห็นเสมอ นั่นคือ หลายต่อหลายคน หาความสงบไม่ได้เลย ในห้องสวดมนต์
นี่แหละเป็นสิ่งที่บอกว่าแพ้ตั้งแต่ในมุ้ง ท่านไม่สามารถช่วยคนเหล่านี้ได้เลย เพราะโรคสันดานนี้นั้น มันทำลายการกระทำอันเป็นมงคลที่ใช้เพื่อกอบกู้ชีวิตไปหมดสิ้นเสียแล้วนั่นเอง
จึงเป็นเรื่องแปลก เพราะคนที่กำลังจะส่งเสริมในการทำลายชีวิตซึ่งกันและกัน มักพูดเสมอว่า รักกันอย่างนั้นอย่างนี้ คนรักกันเขามีแต่ต้องห้ามไม่ให้ทำในสิ่งที่เป็นอัปมงคล หรือ ทำลายเสียซึ่งมงคลของชีวิต
ภาพที่ปรากฏ ในห้องสวดมนต์ ที่เป็นสถานที่ของแม่ชีเมี้ยน อันหลวงพ่อนิพนธ์กำหนดไว้เป็นพื้นที่ที่ใช้กอบกู้ชีวิต จึงทำให้ภาพภาษิต "ปากปราศรับ น้ำใจเชือดคอ" เห็นเด่นชัด
เพราะคนเหล่านั้น พูดไปหัวเราะไปยิ้มไป ในขณะที่ผลของพฤติกรรมที่ทำนั้น คือ "กำลังฆ่าคน หรือ ทำลายชีวิต" ของผู้ที่ตนเองบอกว่ารัก
กระนั้นก็ตาม หลวงพ่อนิพนธ์ก็กล่าวเสมอว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ทุกคนทำตามที่สอน จึงต้องทำใจ และปลงว่า "ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น"
อ้ายที่จะมาร้องแลกว่า ทำไม่ฉันไม่หาย ก็ไม่ช่วยตนแล้วยังทำลายอีกนั่นเอง
บทสรุป ของโอกาสที่จะรอด จึงมองลอดผ่านความสงบ ในสถานที่ของแม่ชีเมี้ยนนี้เอง
ก็ใครจะแก้โรคสันดานของเราได้ นอกเสียจากเอาเหตุและผลมานำแล้วทำเอง
ต่างฝ่ายต่างมีพลัง ก็ดูกันว่า พลังของผู้ที่สงบ กับพลังของผู้ที่ไม่คิดจะสงบ ใครจะดึงใครไป
หากความสงบเกิดไม่ได้ สถานที่นี้ เรียกได้ว่า มนต์ขลังยังสู้โรงภาพยนต์ไม่ได้เลย เพราะที่นั่นแม้จะให้แค่ความเพลิดเพลิน แต่คนจะกระแอมกระไอ จะคุยโทรศัพท์ หรือส่งเสียง ยังไม่กล้าเลย
ก็แล้วมันจะไปกอบกู้ชีวิตได้อย่างไร ... ยิ่งมา ก็ยิ่งมีแต่ความฝัน ลืมตามาก็เป็นเหมือนเดิม หรือ อาจจะหนักกว่าเดิมอีก