ภาพที่เรามักเห็นบ่อยๆ นั่นคือ การช่วยป้อน ช่วยพยุงเดิน ในการเข้าไปทานยามะพร้าว
แม้นว่า คนเหล่านี้จะเดิน หรือ ทานลำบาก ก็พบเห็นเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ยอมให้ลูกหลานหรือญาติ ตามเข้าไปช่วยพยุง หรือป้อน ให้เห็นเสมอๆ
และคำพูดที่แว่วตามหลังมา ก็มักจะเป็นคำว่ากล่าวที่มีต่อเจ้าหน้าที่ในการทำเช่นนั้น
หลวงพ่อนิพนธ์ ได้ยกตัวอย่างกรณีเช่นนี้ให้ฟังเสมอๆ โดยเฉพาะคุณสมศักดิ์ ที่เป็นเพื่อนซี้ของคุณพิศาล อัครเศรณี และเป็นมาเลเรียขึ้นสมอง หลังจากไปดูพื้นที่ เพื่อจัดการถ่ายทำ ให้คุณพิศาล จนสมองไหม้ หมดสติ ขณะขับรถ และพุ่งชนราวสะพานพุทธ
คุณสมศักดิ์ถูกวินิจฉัยว่าเสียชีวิต และถูกนำเข้าห้องเย็น จนกระทั่งหมออำนาจ ผู้ซึ่งเป็นหมอใหญ่ของศิริราช ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจอันดับต้นๆ ของประเทศ และเป็นเพื่อนทั้งคุณสมศักดิ์ และหลวงพ่อนิพนธ์ ทราบข่าว แล้วนำร่างของคุณสมศักดิ์มาผ่า เพื่อกระตุ้นหัวใจ จนคุณสมศักดิ์ฟื้นกลับมาอีกครั้ง
หมออำนาจได้ขอรักษาคุณสมศักดิ์ด้วยวิชาแพทย์แผนปัจจุบัน จนเวลาผ่านไปสิบปี สภาพคุณสมศักดิ์อยู่ในสภาพที่ช่วยตนเองไม่ได้ เหมือนเด็ก วางตรงไหนอยู่ตรงนั้น กิน นอน ขี้ เยี่ยว ช่วยตัวเองไม่ได้เลย
หลวงพ่อนิพนธ์จึงไปรับคุณสมศักดิ์มาฟื้นฟู
เนื่องด้วยไม่สามารถทานได้ด้วยตัวเอง เพราะมือสั่น จนข้าวกระจายตกหมดก่อนเข้าปาก หลวงพ่อนิพนธ์จึงให้ใส่จาน แล้ววางไว้กับพื้น พร้อมจานน้ำ ให้ทานเอง ลักษณะเหมือนสุนัขทานข้าวก็ปานนั้น
เพื่อนๆ และคนที่พบเห็น วิพากษ์วิจารณ์หลวงพ่อนิพนธ์ว่า โหดไปหรือเปล่า ต้องขนาดนั้นเชียวหรือ ในเมื่อเขาช่วยตัวเองไม่ได้ ทำไมไม่ให้คนช่วยป้อน
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า เพราะรักคุณสมศักดิ์ แม้การกระทำจะดูเหี้ยมโหดไปสักหน่อย แต่หลักพระภูมีให้ใช้ "ตนพึ่งตน" วันหนึ่งคุณสมศักดิ์จะช่วยตนของตนได้ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
วันนี้คุณสมศักดิ์ กลับมาเป็นปกติ และขออนุญาติกลับไปแต่งภรรยา
การจะช่วยใคร ก็ต้องอาศัยหลัก "ตนพึ่งตน" ของพระภูมี อันเป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนต้องใช้เหมือนกันหมดในการช่วยตน
เราท่านจึงมักได้ยิน วิทยากร อ.อร่าม พูดให้ฟังในการบรรยายเสมอว่า เรื่องอื่นจะพึ่งใครก็ทำได้ หากแต่การทานสมุนไพร ทำเช่นนั้นไม่ได้โดยเด็ดขาด ต้องรินเอง ทานเอง ยกเว้นกรณีที่คนไข้ช่วยตนเองไม่ได้เลยเท่านั้น หากแม้นทำเองได้ ไม่ว่าลำบากสักแค่ไหน ต้องใช้เวลานานเท่าไหน ก็ควรที่จะทำด้วยตนเอง
เพราะอ้างเหตุว่ารัก เห็นคนที่รักลำบาก จึงทำให้ และที่สำคัญ ยังได้ชื่อว่า "กตัญญูู" แต่สิ่งที่ทำกลับทำให้คนที่เราท่านรัก มีคุณสมบัติเบียดเบียนผู้อื่นตลอด และไม่มีวันที่จะกลับมาช่วยตนเองได้เลย
ก็ไม่แปลกที่หลายคนจะกล่าวว่า สถานที่นี้ มากเรื่อง มากพิธี ทำไมไม่แจกสมุนไพรแล้วให้กลับบ้าน ก็ว่ากันไป ...
บทสรุปที่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็น ให้พิจารณา คือ สถานที่นี้ ไม่ได้ตั้งมาเพื่อเอาเงินใคร หรือ หาลาภยศสรรเสริญ มุ่งหวังแต่ทำเพื่อเอาบุญ ไว้เลี้ยงตน ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องถูกใจใคร หรือแม้แต่ถูกกติกาของสังคมทั้งหมด หากแต่อยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง และคุณธรรม ตามคำสอนของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา
สิ่งที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติ จึงไม่ได้เพื่อความถูกใจของคนไข้หรือญาติ หากแต่เพื่อประโยช์สูงสุดของตัวเราท่านที่มานั้นเอง
หากรักจริง ก็ต้องทำใจ ยอมให้คนที่เรารักลำบาก ทำคุณสมบัติ "ตนพึ่งตน" ให้เกิดขึ้น เพื่อช่วยตนของตนนั่นเอง และสนับสนุน ให้เกิดการทำเยี่ยงนี้ในผู้ป่วย อย่าเลยป้อนข้าวป้อนยา ... ยอมนั่งเป็นเพื่อน และคุย จนทานข้าวทานยาเสร็จดีกว่าไหม
แล้ววันหนึ่งเราท่านจะได้เห็นคนที่เรารัก กลับมาเป็นปกติดั่งเช่นคุณสมศักดิ์
คุณประโยชน์จากการไม่เจ็บ ก็คือ ไม่สร้างกรรม ด้วยการเบียดเบียนผู้อื่นนั่นเอง