วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

พัทธสีมา


เมื่อเราท่านไปวัดในยุคปัจจุบัน จะพบเห็นเขตพัทธสีมา อันแสดงได้โดยการใช้ลูกนิมิตฝังไว้รอบโบสถ์

ก็แล้วเขตพัทธสีมานี้มีความสำคัญอย่างไรในพระพุทธศาสนา

หาใช่เอาไว้เวียนเทียน หรือเวียนรอบโบสถ์เวลาบวชพระไม่

หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ด้วยเหตุที่ "กรรมและธรรม" เขาไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน อันหมายความว่า เขตของกรรม ธรรมก็จะไม่เข้าไปยุ่ง แลกลับกัน เขตของธรรม กรรมก็จะไม่เข้าไปยุ่ง

ดังนั้น พระภูมี หรือตัวแทนของศาสนา จะต้องกำหนดเขตอำนาจของตน ประกาศให้รู้ว่าเขตของธรรมอยู่ตรงไหน นั่นคือ พื้นที่ที่พระภูมี หรือ ศาสน์ หรือ อำนาจธรรม เขาจะมีหน้าที่รับผิดชอบ ในผลของสิ่งที่ตรัส หรือ กล่าวให้กระทำนั้นๆ ว่าเป็นบุญ

หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบายให้ฟังว่า ในโลกนี้ ทุกภาคส่วนเป็นพื้นที่ของกรรม หรือ ตกอยู่ในอำนาจกรรม ที่แบ่งแยกออกเป็นสองส่วน คือ กรรมดี และกรรมชั่ว นั่นเอง

หากแต่ศาสน์ของพระภูมี อาศัยซึ่งอำนาจธรรม อันเป็นอำนาจนอกโลก และเหนือโลก ไม่ใช่ทั้งกรรมดี และกรรมชั่ว เรียกอำนาจนี้ว่า "บุญ"

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่า "กรรมดี กับ บุญ" นั่นคือ กรรมดี ไม่สามารถล้างหรือชดใช้ให้แก่กรรมชั่วที่ทำได้ หากแต่บุญสามารถใช้ล้าง หรือ ภาษาพระเรียกว่า ใช้เงินบุญซื้อกรรมที่ทำมาได้

อันเป็นที่มาของคำว่า "ธรรมล้างกรรม" นั่นเอง

หากแต่อำนาจธรรม ก็ไม่สามารถเผ่นพล่าน กระจัดกระจายไปในทุกพื้นที่ของโลกได้ กรรมเขายอมให้เป็นพื้นที่ยกเว้นแค่จุดเดียวในโลกเท่านั้นเอง ที่พระภูมีหรือศาสน์กำหนดขีดวงไว้

พื้นที่ที่พระภูมีหรือศาสน์ขีดวงไว้นี้เอง คนโบราณจึงเรียกว่า เขตพัทธสีมา อันหมายถึงเขตของอำนาจบุญ ที่หากแม้นได้เข้าไปแล้ว กรรมจะยกเว้น หรือ แม้ถูกกัดก็กัดได้ไม่เต็มคำ

แลด้วยอำนาจธรรมที่แม่ชีเมี้ยนแบ่งให้หลวงพ่อนิพนธ์ ท่านจึงกำหนดในวันทำการว่า เขตพื้นที่ของท่านที่ท่านรับผิดชอบ นั่นคือ บริเวณห้องสวดมนต์ อาคารของแม่ชีเมี้ยนนั้นเอง

หากเราท่านไม่ช่างสังเกต ไม่เอาเหตุเอาผล เราก็จะไม่ซึ้งในอำนาจของธรรม ที่เราท่านได้สัมผัส

เมื่ออยู่ใกล้แต่ไม่ได้สัมผัส ศรัทธาจึงไม่เกิด

แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสสอนเมื่อครั้งถ้ำกระบอกว่า "มนุษย์มันรอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และก็เฝ้ามองรอคอยว่า สักวันจะได้เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลอยลงมา เหาะมา หรือหายตัว แลเมื่อนั้น ความศรัทธาจึงบังเกิดแก่เขา"

แม่ชีเมี้ยนจึงกล่าวว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์เขาก็เลือกคน เขาอยากได้คนฉลาด เอาเหตุเอาผล ย่อมไม่ทำเช่นนั้นแน่

สิ่งศักดิ์สิทธิ์เขาจะทำสิ่งที่ไม่ธรรมดาให้เห็น เมื่อมนุษย์คนใดเห็นแลพิจารณาว่าเป็นเรื่องไม่ธรรมดา เกิดศรัทธา แล้วมากราบไหว้ นั่นแลมนุษย์ผู้มีปัญญา และจะได้สัมผัสสิ่งศักดิ์สิทธิ์

เฉกเช่นกัน เมื่อหลวงพ่อนิพนธ์กำหนดเขตอำนาจ คือห้องสวดมนต์ ก็แล้วแต่มนุษย์ผู้ใดจะใช้ปัญญาของตน พินิจพิจารณาว่า สิ่งที่เกิดในห้องสวดมนต์ มันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป หรือ เป็นเรื่องที่ปกติทั่วไปไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน

หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้เหตุประการหนึ่งให้เห็นซึ่งอำนาจของธรรม ที่บังเกิดขึ้นนั่นคือ การนำคนทุกข์ที่ป่วยอาการหนักบ้าง เบาบ้าง มารวมกันอยู่ในที่ที่เดียวกัน แล้วให้อยู่ในความสงบ โดยไม่มีเหตุเกิดจนทำให้เสียชีวิต โดยอาศัยอำนาจบุญคุ้มครอง

หากปราศจากอำนาจบุญในพื้นที่นี้แล้วไซร้ การกระทำเช่นนี้จะทำได้หรือ หมอหรือโรงพยาบาลใดๆ ยังไม่กล้าเลย หากจะกระทำเช่นนี้ ต้องเตรียมเครื่องมือแพทย์นานาชนิด ไว้เตรียมรับเหตุฉุกเฉินอย่างแน่นอน และเต็มพิกัด

ด้วยเหตุนี้ การมารวมกัน นั่งสงบ ทำเอกลักษณ์ของศาสนา ในห้องสวดมนต์ของแม่ชีเมี้ยน หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า สิ่งนี้เป็น"บุญ" จึงควรตั้งใจ และทำให้สมบูรณ์ เพื่อใช้ในการเสริมอำนาจสมุนไพรให้มีฤทธิ์ ตามครรลองของพระภูมี

การนั่งสงบและฟัง ทั้งที่ลืมตานี้แหละ แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสว่า คือ กรรมฐาน ของพระภูมี อันต้องอาศัยซึ่งศรัทธา เหตุและผล จึงสามารถควบคุมกิริยา กาย วาจา ใจ ให้สงบ และรับฟังธรรม เพื่อนำไปปฏิบัติได้

กระนั้นก็ตาม สิ่งที่เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า กรรมฐานของเราท่านที่ทำมานั้นสมบูรณ์เพียงใด ขนาดไหน ก็วัดกันตอนที่สิ้นสุดของการฟังนั้นเอง

เมื่อได้อนุญาตให้ลุกได้ หากยังสามารถครองสติ และรักษาความสงบ จนกระทั่งออกจากเขตพัทธสีมา คือห้องสวดมนต์ได้เมื่อไร เช่นนั้นเรียกว่า กรรมฐานที่ทำนั้นสมบูรณ์ไปด้วยสติ และการกระทำ

หากแต่ครั้นเมื่อได้อนุญาตให้ลุก ก็ส่งเสียงกระหึ่ม คุยกันโขมงโฉงเฉง หามีสติควบคุมอันใดไม่ กรรมฐานที่ทำมาก็ไร้ค่า เพราะบ่งบอกถึงว่า กรรมฐานที่ทำไปนั้น ทำไปโดยการฝืนใจ ถูกบังคับ ทำไปเพราะเสียไม่ได้ ดังนั้น เมื่อได้ยินเสียงอนุญาต จึงเสมือนคำบ่งบอกว่า เออจบเสียได้ซะที เบื่อฉิบหาย เมื่อยฉิบหาย ...

หลักของพระภูมีเป็นหลักปราชญ์ จึงสอนวิธีดูคน เพื่อให้เลือกคนที่มีคุณสมบัติ ดั่งที่เราท่านได้ยินได้ฟังเสมอว่า "พระภูมีทรงฝึกบุคคลที่พึงสามารถฝึกได้เท่านั้น ไม่ได้สอนทุกถ้วนตัวคน"

เมื่อเราท่านมีพฤติกรรมเฉกเช่นนี้ การมาของเราท่าน จึงสรุปได้ว่า มิได้มาเพื่อการหายจากโรค หากแต่มาเพื่อระงับโรคเท่านั้น

เราท่านจึงได้ยินหลวงพ่อนิพนธ์กล่าวสอนและตักเตือนเสมอว่า "หากจะทำผิด ให้ไปทำที่อื่นเถอะ อย่ามาทำที่นี่เลย เพราะมันจะตกฐานเทวทัต"

ใครจะดูเป็นอาคาร ก็เป็นอาคาร ใครจะดูเป็นห้องธรรมดา ก็เป็นห้องธรรมดา ใครดูเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธฺ์ อุปมาดังโบสถ์วิหาร ก็เป็นเช่นที่ใจคิด .... ผลท้ายที่สุดอันเป็นบทสรุปของหลวงพ่อนิพนธ์ที่ได้ยินได้ฟังทุกครั้ง คือ "คิดอย่างไร เป็นอย่างนั้น ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น"

แม้นหลวงพ่อนิพนธ์จะอยากให้ทุกคนหาย แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ ไม่ใช่เพราะสมุนไพรไม่ดี ธรรมคำสอนไม่ดี หากแต่ผลของการกระทำมันขึ้นกับคนทานครึ่งหนึ่งนี้เอง

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44