คำพูดลอยๆ เหมือนไม่มีความสำคัญ ของหลวงพ่อนิพนธ์ที่ท่านมักกล่าวไปหัวเราะไป หรือยิ้มๆ นั่นคือ
"คนบางคน แค่คำอธิษฐานต่อแม่ชีเมี้ยน ว่าตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ก็จะมาร่วมงานท่านทุกปี"
แค่นี้ก็สามารถอยู่รอดปลอดภัย และได้มางานแม่ชีเมี้ยนสมใจ
หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักกล่าวเสมอ งานหรือกิจกรรมที่สำคัญที่สุดของชมรมคนรักสุขภาพ คืองานของแม่ชีเมี้ยน อันเป็นวันที่แม่ชีเมี้ยนจะต้องมาดู ผลงาน และที่สำคัญคือการได้แสดงออกซึ่ง "กตัญญู"
ด้วยเหตุพื้นฐานของความสำเร็จ ไม่ว่าจะทางสมุนไพร หรือ ทางธรรม ล้วนแล้วแต่มาจากกตัญญูนี้เอง
การได้มาแสดงกตัญญู ในวันงานนี้ จึงมีความหมายต่อชีวิตยิ่งกว่าวันใด จนหลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า คนที่ประสพผลไปแล้ว จะไม่มาก็ไม่เป็นไร หากแต่ในวันนี้ ไม่ว่าอยู่แห่งหนตำบลใด จะมีกิจอันใด ก็ต้องมาแสดงตน เพื่อรักษาคุณสมบัติอันนี้ไว้
สิ่งที่เราเห็นตลอดมา นั่นคือ คนไข้หนักทั้งหลาย เมื่อใกล้จะถึงวันงาน จะมีอาการที่ดูเหมือนทรุด หรือแย่ลง
ด้วยเหตุที่ว่า กรรมมันไม่อยากให้มาในวันงานแม่ชีเมี้ยนนี้เอง
เพราะกรรมมันรู้ว่า ผู้ใดที่ได้มาวันงานของแม่ชีเมี้ยน ก็ย่อมจะหนีกรรมพ้น เรียกได้ว่า หากไม่หาย ก็ตายสบายไม่ทรมาน
ตัวอย่างที่เราเห็น อาทิเช่น แม่ของเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่ไม่เคยเข้าโรงพยาบาลเลยตั้งแต่เด็ก จวบจนวัยชรา เจ็ดสิบกว่าๆ เกิดอาการแขนบวม เนื่องจากถูกหลานเหยียบแขน ขณะโดดเล่น
อาการบวมไม่ยอมหาย จึงไปตรวจที่โรงพยาบาล พบว่า เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ ๔ และเชื้อได้แพร่กระจายไปทั้งตัวแล้ว
คนไข้ท่านนี้มาทานสมุนไพรของชมรมคนรักสุขภาพ แต่ด้วยความที่วัยชรา และอาการอยู่ในระยะสุดท้าย ร่างกายจึงไม่สามารถฟื้นฟูได้ หากแต่ก็รีดน้ำเหลืองที่เป็นพิษ ไปไว้ที่แขนข้างซ้ายที่ และเกิดแผลที่บริเวณหัวไหล่
แขนข้างซ้าย บวมเนื่องจากพิษในน้ำเหลือง แต่ด้วยแผลที่หัวไหล่นี้เอง เป็นตัวกั้นพิษไม่ให้ไหลเวียนกลับไปในร่างกาย คนไข้มีอาการปวดที่แขน เนื่องจากน้ำหนักแขนที่เพิ่มขึ้น จนต้องใช้ผ้าคล้องคอ หากแต่ก็สามารถช่วยตนเองได้
ผ่านจนถึงเวลาประมาณนี้ ก่อนวันงาน คนไข้ก็มีเฉพาะอาการปวดที่แขน แต่ก็ไปไหนมาไหนลำบาก เพราะแขนมันใหญ่เหมือนน่องนั่นเอง
ลูกก็ชวนให้มางานแม่ชีเมี้ยน ที่ใกล้จะถึง ในขณะที่แม่ก็ไม่อยากมา เพราะปวด และ เดินไปไหนมาไหนลำบาก หากแต่เมื่อได้ฟังคำสอนจากหลวงพ่อนิพนธ์ ในที่สุด คนไข้ก็ตัดสินใจมางาน
การมางานของคนไข้ จึงต้องมาพร้อมเตียงพับ เพราะเดินไปไหนมาไหนไม่สะดวก และก็ใช้สำหรับนอนเพื่อสวดมนต์
สิ่งที่เกิดกับคนไข้คือ ตลอดคืนของวันงาน ไม่รู้สึกปวดเลย
หลังจากวันงานไม่นาน คนไข้ก็เสียชีวิต ในวันสุดท้ายของการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งของเธอ เธอขอให้ลูกเปิดเพลงของชมรม และร้องตามไป จนหมดแผ่นสองรอบ จบ ก็นอนหลับไป
ทิ้งความแปลกใจให้แก่สามีและลูก เพราะว่าคนที่เป็นมะเร็ง จะต้องปวดจนตาย ในขณะที่คนไข้ท่านนี้ ซึ่งเป็นคนที่ชอบร้องเพลงมาก นอนร้องเพลงของชมรมจนจบ แล้วก็หลับไป ไม่มีวี่แววของความทรมานที่มาบีบเค้นใดๆ เลย
ดังนั้น ภาพที่เราจะเห็นซ้ำๆ และได้ยินทุกครั้งในช่วงนี้ของปี คือ คนนั้นทรุด คนนั้นอาการไม่ดี .... หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักเรียกสิ่งนี้ว่า กรรมมันกลัว มันจึงต้องเร่งทำทุกทาง ให้ใจคนนั้นตก และไม่อยากให้ทำในสิ่งถูกที่กรรมมันกลัว
คำของหลวงพ่อนิพนธ์ ที่ให้ตัั้งปรารถนา ไม่ว่าฟ้าถล่มดินทลาย หากยังมีชีวิต ก็จะมาร่วมงานของแม่ชีเมี้ยน นั้น ดูธรรมดา แต่มีความหมายต่อชีวิตอย่างยิ่ง
วันงาน เราจึงเห็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยพบในชมรมเลย ตลอดปี มาเดินกันเต็มไปหมด ก็เพราะเขาคือศิษย์เก่า รุ่นพี่ที่ประสพผล และทราบซึ้งดีว่า วันนี้มีความหมายต่อชีวิตพวกเขาอย่างไรนั่นเอง