หากเมื่อคุณสมบัติของผู้ทานไม่มี สมุนไพรที่ทานเข้าไป ก็จะเคลื่อนผ่านและถูกขับถ่ายออกไป โดยไม่แสดงผลสิ่งใดๆ ที่เป็นคุณให้แก่ร่างกายเลย
หากแต่เมื่อคุณสมบัติของผู้ทานถึงขีดสุด สมุนไพรแม้แต่เพียงแก้วเดียว ก็ให้ผลแสดงพลานุภาพประดุจ ระเบิดไฮโดรเจน ที่มีผลมหาศาลฉันนั้น
หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักสอนให้เราเห็นถึงวิธีการที่จะทำให้สมุนไพรทำงานได้ถึงขีดสุด ทำโดยวิธีใด
หลายครั้งหลวงพ่อนิพนธ์จึงได้จำลองวิธีการทานสมุนไพรให้เห็นซึ่งความแตกต่างอย่างเด่นชัด นั่นคือการยกตัวอย่างคนไข้หนัก
อาทิเช่น คนไข้ที่เป็นโรคหัวใจรุนแรง ดังกรณีของคุณปรีชา ที่ปัจจุบันเป็นหัวหน้าแผนกสมุนไพรของชมรม
คุณปรีชามาชมรมก็หลายปี การทานสมุนไพรก็จัดว่าได้ปริมาณพอควร เพราะภรรยาก็เป็นกรรมการของมูลนิธิด้วย
หากแต่หลายปีที่ผ่านมา อาการของโรคหัวใจ ก็ไม่หายสักที และท้ายที่สุด หมอวินิจฉัยว่า อาการถึงขั้นที่ต้องทำการผ่าตัดหัวใจสถานเดียว มิฉะนั้นสามารถที่จะเสียชีวิตได้ทุกขณะ
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงบอกแก่คุณปรีชาว่า ให้ลองเปลี่ยนพฤติกรรมและการกระทำ โดยการบวชในหลักของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ไปฉันท์มื้อเดียว เงินทองไม่รับ รถเรือไม่ขึ้น ทำตัวเองให้สงบ หลบออกจากโลกสักพัก
ผ่านไปสามเดือนของการบวช แล้วทานสมุนไพรที่ไม่ได้มากไปกว่าเดิม จากคนที่ทำอะไรก็เหนื่อย กลายเป็นพระที่สามารถเดินธุดงค์เป็นร้อยกิโล ได้โดยไม่มีอาการของหัวใจปรากฎอีกเลย
ทุกวันนี้ คุณปรีชา ไม่ได้กลับไปให้หมอผ่าตัด และไม่มีอาการของโรคหัวใจอีกเลย
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า คุณสมบัติของผู้ทานเป็นปัจจัยสำคัญของการรักษาตน เมื่อปราศจากคุณสมบัติ ทานแล้วไม่หาย จะโทษสมุนไพรไม่ควร
หากแต่มีคุณสมบัติพื้นๆ ทั่วไป การทานสมุนไพร กว่าจะให้ผลก็ต้องอาศัยคุณสมบัติของน้ำอดน้ำทน ยืนระยะ จึงจะได้มา เรียกได้ว่าทั้งเดินช้า และเดินอ้อม แต่หากยืนระยะได้ ก็ถึงฝั่งได้เช่นเดียวกัน หากคนผู้นั้นมีวันเวลาของพรหมลิขิต
แต่หลายคนวันเวลาไม่มี การทำเช่นนี้จึงไม่ประสพผล เพราะมันไม่ทันกาลนั่นเอง
แลเมื่อวินัจฉัยความแตกต่างของคุณปรีชา จากการทำตนธรรมดา กับไปบวช แล้วให้ผลที่แตกต่างอันมหาศาล
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า เคล็ดของศาสนา คือ "มีธรรมเป็นอำนาจ" ผู้ใดปฏิบัติธรรมของพระภูมี นำนิสัยบางข้อมายึดถืออย่างจริงจัง แม้นเพียงข้อเดียว อาทิเช่น "การไม่โกรธผู้อื่น" หรือ "ไม่เห็นผู้อื่นผิด" เมื่อทำได้จนพฤติกรรมเปลี่ยน อำนาจธรรมนี้แลจะทำให้สมุนไพรที่ทานมีผลมหาศาล เปลี่ยนสัญญาเดิมที่เป็นโรค กลายเป็นสัญญาไม่มีโรคได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ดังนั้นทางที่ใช้ในการรักษาตนที่พระภูมีทิ้งไว้ให้ มีให้เลือกตามความชอบ อยากเดินช้า ก็ทานสมุนไพรอย่างเดียว อาศัยขันติ อดทน ยืนระยะ
หากอยากเดินลัดเดินเร็ว ก็ต้องนำนิสัย หรือ ธรรม ของพระภูมีมาเปลี่ยนแปลงตน ก็จะให้ผลที่รวดเร็ว
ดูอย่างคุณปรียานุช ที่เปลี่ยนจากคนที่ด่าว่าในกองถ่ายทุกครั้ง และขี้เหนียวไม่เคยเลี้ยงใครเลย มาเป็นไม่เคยว่าใคร และซื้อของมาเลี้ยงตลอด โรคที่ว่าไม่มีทางหาย ก็หายได้อย่างง่ายดาย เป็นปาฏิหารย์
ใครว่า การรักษาความสงบในห้องสวดมนต์ไม่สำคัญ ก็ตามแต่ หากแต่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า นี่แหละเป็นบันไดขั้นแรกของธรรมของพระภูมี เพราะเราท่านที่มา รักษาความสงบไม่ใช่เพราะนิสัยของตน หากแต่เป็นวินัย หรือนิสัยของพระภูมี เมื่อทำตาม นั่นแลอันนี้จึงมีค่าทำให้สมุนไพรมีคุณค่ามหาศาล
อ้ายประเภท ต้องรอหลวงพ่อนิพนธ์เข้ามาจึงจะเงียบ หรือ อยากคุยก็คุย อยากทำอะไรก็ทำ บรรเลงตามนิสัยตน จะเรียกว่าเดินตามรอยพระภูมีได้อย่างไร
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า พระภูมีทรงเรียกคนกลุ่มนี้ว่า "ลิงหลอกเจ้า" ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะการมาของท่านเหล่านี้ เรียกได้ว่าเสียเปล่า เพราะเสียเงิน เสียเวลา หากแต่สิ่งที่ได้กลับไปน้อยนิด แทนที่การมาจะได้ผลอันมหาศาลแก่ชีวิตกลับไป กลับกลายเป็นมีพฤติกรรมที่ทำให้การกระทำของตนต้องเสียไป เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา และที่สำคัญ เสียทั้งชีวิตอีกต่างหาก
วินัยที่เป็นพื้นฐาน ที่หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ให้ทำ ล้วนแล้วแต่มีความหมายต่อชีวิต เมื่อเดินตาม เรียกได้ว่าไม่ได้ทำเพราะนิสัยตน แต่ทำตามนิสัยของพระภูมี แม้นจะดูว่าเป็นเรื่องน้อยนิดธรรมดา แต่คุณค่าไม่ธรรมดา เพราะไม่ว่า การรักษาความสงบ การทำตนเป็นพระเวสสันดร การเอื้อเฟื้อให้สุขแก่ผู้อื่น ไม่เบียดเสียดแก่งแย่ง การรักษาของส่วนรวม ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุปัจจัยที่ทำตามพระภูมี อันเป็นผลถึงคุณค่าของสมุนไพรที่จะแสดงทั้งหมดทั้งสิ้น
บทสรุปที่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวให้ฟังคือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ล้วนมีความหมายต่อชีวิต นั่นคือ "ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น"
โรคที่เป็น จะอย่างไรก็ไม่หนักหนาสักเท่าไร นิสัยที่มีต่างหากจึงเป็นเรื่องสาหัสสากรรจ์ จะทำสักฉันใด พูดสักฉันใด ก็ไม่ยอมเปลี่ยน นี่แหละศัตรูตัวจริง ตัวแม่เลย
เราท่านจึงมีสิทธิ์เลือกที่จะเป็น จะเป็นคุณปรีชาตอนแรก หรือเป็นคุณปรีชาตอนบวช ก็เลือกเอา ผลที่ได้จึงเป็นการเดินอ้อมหรือเดินลัด ตามสิ่งที่เราท่านได้ทำนั้นเอง