วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กรรมฐาน

ภาคบังคับ ของการมาฟื้นฟูตน ณ ชมรมคนรักสุขภาพ นั่นคือ การต้องเข้าสวดมนต์และฟังอรรถธิบายจากหลวงพ่อนิพนธ์

หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวเสมอว่า ภาคบังคับนี้แหละคือกรรมฐานแบบพุทธกาล ไม่ใช่นั่งหลับตา ซึ่งเมื่อหลับแล้วก็เห็นแต่ความมืดเท่านั้นเอง

หลวงพ่อนิพนธ์จึงได้อรรถาธิบาย ลักษณะกรรมฐานแบบพุทธกาลที่ให้ทำนี้ ว่า คือ สิ่งที่พระพุทธเจ้าให้สาวกฝึกแยกจิตกับกายออกจากกัน

ด้วยเหตุที่ว่า พระภูมีทรงทาบว่า กรรมจะทำให้เราท่านเป็นทุกข์ก็ต้องอาศัยผ่านทางทุกข์ของกายนี้เอง

การบังคับให้ทำกรรมฐานเช่นนี้ ก่อให้เกิดทุกข์กับกาย วาจา และใจ หากแต่พระภูมีใช้สิ่งนี้ เพื่อให้สาวกแยกจิตออกจากกาย นั่นคือ แม้นว่ากายจะเป็นทุกข์สักฉันใด แต่จิตของตนนั้น ไม่ร้อนรน ทุกข์ทนหรือกระวนตามอาการของกายที่เกิดนั้นตามไปด้วย

อุปมาคล้ายกับคนที่กำลังรักกัน แม้นเดินตากแดดที่แรงกล้าสักฉันใด ก็ทำให้คนทั้งคู่เป็นทุกข์ไปด้วยแดดนั้นไม่ได้เลย ด้วยจิตกำลังสุขอยู่นั่นเอง

หลายคนบอกว่า ทำไมหลวงพ่อนิพนธ์จึงพูดนาน ท่านจึงอรรถาธิบายว่า ก็เพื่อให้คำพูดที่ท่านพูด ค่อยๆทำให้จิตของเราท่านเกิดความสงบขึ้น และเกิดขันติ อดทน ไม่ทุกข์ไปกับอาการของกายที่พึงเกิด มีสติ ก่อให้เกิดความสงบ แม้นกายจะร้อนรนสักปานใดก็ตาม

เมื่อเราฝึกเช่นนี้แล้ว ก็นำไปใช้กับการเข้ากระโจม ที่แม้นกายจะร้อนสักปานใด จิตก็ไม่ร้อนไปตามกายนั้น สามารถรักษาความสงบให้คงอยู่ได้

เมื่อฝึกเช่นนี้จนเคยชิน เมื่อไปอยู่ในชีวิตประจำวัน และมีกรรมอันเกิดเหตุแก่กาย ก็จะยังคงมีสติ มีขันติ อดทน ไม่ก่อกรรมอันใหม่ขึ้น อาทิเช่น กรรมของเราทำให้เขาด่าเรา ก็สามารถทนเสียงอันนั้นได้ กรรมของเราทำให้เขาทำให้เราเจ็บ จิตของเราก็สามารถรักษาความสงบ ไม่คิดจะต่อกรรมต่อไป

และก็ด้วยเหตุที่แต่ละคน ก็ล้วนหลากหลาย มีครูบาอาจารย์วิชาความรู้เป็นของตนกันอย่างมากมาย มาก่อนแล้วทั้งสิ้น

หากแต่ความรู้ที่มีและปฏิบัตินั้น ไม่สามารถช่วยตนได้ อุปมาดังเช่นคุณหมอหญิง ที่มีปัญหาตา ความรู้ใดๆ ทางการแพทย์ที่มี และได้ยินได้ฟัง ได้สัมผัส ช่วยเธอไม่ได้เลย เมื่อมาถึงที่นี้แล้ว ก็ควรวางความรู้นั้นไว้ลงชั่วคราวก่อน

มาทำตนเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ รับความรู้ของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมาให้ เพื่อช่วยตนก่อน

เมื่อทำแล้ว ช่วยตนได้แล้ว จะวางความรู้นี้ แล้วกลับไปยึดอันเดิมก็ไม่ว่ากัน ไม่นับถือเป็นครูบาอาจารย์อีกก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ ขณะนี้ เมื่อมาใช้วิธีของแม่ชีเมี้ยน ไม่ทำไม่ได้ หรือที่มักได้ยิน คือ "ใครทำอย่างไร ได้อย่างนั้น"

ประเภทที่เข้าห้องสวดมนต์มาแล้ว คุยไม่หยุด โทรไม่ยั้ง ทำสติให้อยู่ในความสงบไม่ได้เลย จึงเป็นการมาเสียเปล่า

การเดินทางในแนวของพระภูมี จึงต้องมีผู้นำ ที่ได้รับสิทธิ์อำนาจในการนำ อันที่จะทำให้คนที่มาทำตามแล้วได้บุญเป็นเครื่องตอบแทน

กรรมฐานที่ให้ทำ จึงเป็นการฝึกพื้นฐาน ก็ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่ไม่สามารถครองความสงบในห้องสวดมนต์ได้ นั่นย่อมหมายถึง กรรมฐานแตก ไม่สามารถทำผลให้เกิดเป็นรูปเป็นร่างได้ อันส่งผลถึงการทานสมุนไพร ก็ย่อมไม่สามารถทำให้เกิดผลได้ตามตัวทำของตนนั้นแล นั่นคือ กินเท่าไรก็ไม่มีทางได้ดั่งหวัง อันเป็นที่มาของคำว่า "ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น"

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44