วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

รากฐานความเชื่อ

บทสรุปที่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวถึง สาเหตุแห่งโรค ตามคำสอนของพระภูมี อันมีเหตุที่มานั่นคือ "กรรม"

ดังนั้น การเลือกใช้สมุนไพร จึงอยู่บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่า ผลของความสำเร็จจึงวางไว้กับพรหมลิขิต

หากแม้นพรหมลิขิตยังไม่ถึงที่แล้วไซร้ นั่นหมายถึง เราท่านยังมีวันเวลา ให้สมุนไพรได้ฟื้นฟูร่างกายกลับมาใช้พรหมลิขิตที่มีได้

ด้วยความเชื่อนี้เอง จึงเป็นเหตุให้เกิดคำสอนในการละทิ้ง "ยาเคมี" แล้วเชื่อในความสามารถของร่างกายของตนเราท่านเอง ว่ามีความสามารถในการฟื้นฟูตน เพื่อให้สามารถดำรงตนได้จนครบพรหมลิขิตที่ทำมา

โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็ง อันมิใช่สาเหตุจากโรค แต่เป็นเซลล์ที่มีตามธรรมชาติของมนุษย์ ที่ได้รับความเครียดจนทำงานผิดปกติ กลายเป็นเซลล์มะเร็ง

รากฐานความเชื่อนี้เอง จะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งลดศึกที่เผชิญอยู่ อันเกิดจากมะเร็งหนึ่ง ยาเคมีที่ใช้หนึ่ง และที่สำคัญนั่นคือความเครียดที่รับรู้จากอาการที่เป็นอยู่หนึ่ง

หลวงพ่อนิพนธ์จึงสรุปให้ฟังว่า ควรที่จะทำใจให้สบาย และหยุดยาเคมี เมื่อนั้น เราท่านที่เป็นมะเร็งก็จะเหลือศึกด้านเดียว

และจากรากฐานความเชื่อนี้นั้น ก็ทำใจเลยว่า หายไม่หายขึ้นอยู่กับพรหมลิขิต หากสิ้นวาสนาแล้ว อย่างน้อยการทานสมุนไพรก็ทำให้จากไปโดยไม่ทรมาน หรือทรมานน้อยหน่อย

จึงอยากให้พิจารณาในสิ่งนี้ก่อน มิฉะนั้นจะเหมาเอาว่า ทานสมุนไพรก็แล้ว ทำตามก็แล้ว ทำไมไม่ประสพผล

หากพิจารณผลเพียงแต่ดูการมีชีวิต ก็อาจจะผิดหวัง

ศาสนาเขาสอนให้ดูที่ตอนตาย หากเราท่านได้ตายอย่างสงบ เหมือนคนนอนหลับ รู้เวลาว่าจะไป ถึงเวลาก็ไป ไม่ดิ้นเหมือนควายถูกเชือด นั่นแหละคือความสำเร็จ ของความไม่มีโรค

อันหมายถึง ตายด้วยโรคมาบีบเค้นจนวิญญาณอยู่ไม่ได้นั่นเอง

หากแต่กรรมที่ทำมา เราได้ใช้จนหมด เมื่อถึงเวลาก็ไปอย่างสงบ วิญญาณก็จะไม่มีหนี้กรรมติดไปกับวิญญาณ อันเป็นเหตุที่เกิดมาก็มีกรรมพันธุ์มะเร็งติดมาด้วย นี่ต่างหากเรียกว่า สำเร็จความไม่มีโรค

การทานสมุนไพร หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวเสมอว่า เป็นการทานเพื่ออนาคต ...

เพราะมันติดวิญญาณไปนั่นเอง เกิดชาติหน้าฉันใด ก็ไม่มีโรค

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44