วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สองมุมสองด้าน

ภาพชายสองคน ที่เราพบเห็นในห้องสวดมนต์ ให้ความรู้สึกมากมาย

ท่านแรก เป็นชายสูงอายุ ที่ป่วยด้วยโรคประสาท ทำให้มีอาการเพ้อ พูดคนเดียว ร้องเพลงอยู่คนเดียว ในขณะที่ร่างกายเป็นปกติดีทุกอย่าง ลักษณะก็ดีมีฐานะ จนในครั้งแรกๆ มักจะถูกเจ้าหน้าที่ว่ากล่าวในห้องสวดมนต์เสมอ เพราะแกพูดไม่หยุด บางทีก็ร้องเพลงในขณะที่หลวงพ่อนิพนธ์สอนอยู่

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ภรรยาของแก รู้สึกอายคน จึงต้องปล่อยให้แกเดินมาทำกิจกรรมเพียงลำพัง

ผ่านมาเกือบปี วันนี้ คุณลุงท่านนี้ ไม่เคยส่งเสียงในห้องสวดมนต์อีกเลย นั่งนิ่ง และสวดตามได้บ้างไม่ได้บ้าง สงบอย่างไม่น่าเชื่อ

ในขณะที่ชายอีกคน อายุประมาณวัยกลางคน แต่อาการของโรคก็น่าจะหนักพอสมควร

ยามอยู่ในห้องสวดมนต์ คุยได้คุยดี แต่ครั้นถึงเวลาสวดมนต์ นั่งซังกะตาย ไม่ยอมแม้แต่จะอ้าปากส่งเสียงแม้แต่น้อย

เวลาผ่านไป เสียงที่เก็บไว้คุย ก็เริ่มจะคุยไม่ไหว สภาพก็แย่ลง นั่งตรงๆ ก็จะไม่ไหว

ภาพสองภาพจึงให้ความรู้สึก ย้อนให้นึกถึงคำพูดหลวงพ่อนิพนธ์ ที่กล่าวว่า เวลาเราทำกรรม กรรมมันส่งเสริม ดังนั้น จัดเต็ม ใส่ทั้งหมดที่มี

ครั้นเวลามากอบกู้ชีวิต ทำเหมือนกับถูกบังคับ จำใจ กล้ำกลืน เต็มประดา เมื่อไหร่จะจบๆ สักที

แต่เรื่องของศาสนา หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวเสมอว่า ใครทำใครได้

คนที่สติไม่ดี มาทำ ยังมีผล แต่คนสติดีเมื่อไม่ทำ จะไปหาผลที่ไหนมาช่วยตน รอจนแย่แล้วคิดมาทำ ก็สายเสียแล้ว ไม่มีกำลังพอที่จะช่วยตนได้อีก

หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักกล่าวเสมอว่า อย่าประมาท ทำไมต้องรอจนไม่ไหวแล้วจึงค่อยทำ

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44