สิ่งที่ร้ายแรงกว่าโรค หลวงพ่อนิพนธ์มักให้สติ ก็คือ นิสัยของเรานั่นเอง โรคฆ่าเฉพาะตัวเรา หรือ คนในครอบครัว แต่นิสัย อารมณ์ สามารถฆ่าคนได้เป็นหมื่นแสนเพียงพริบตา ที่สำคัญ นิสัย หรือ อารมณ์ มีผลมากมายกับตัวเรา เมื่อเรามีอารมณ์โกรธ ร่างกายจะเครียด เกิดกรดในกระเพาะ ทำให้หมอบอกว่า เป็นสาเหตุของโรคกระเพาะ จึงมักบอกคนไข้ว่า ทำใจสบายๆ ถ้าโกรธจัด ความดันขึ้นสูง หลอดเลือดแตก อัมพฤกต์ก็ถามหา ท่านจึงมักบอกเสมอว่า โรคอะไรก็ไม่น่ากลัง นิสัยต่างหากที่น่ากลัว
ตัวอย่่างหนึ่งที่ท่านมักยกมาให้ฟัง คือ ชายหนุ่มที่เข้ามาขอกราบท่าน และเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนบิดาป่วย มักมีอารมณ์โกรธ เมื่อใครทำอะไรให้ไม่ทัน ครอบครัวก็ลำบากเพราะเงินส่วนใหญ่หมอไปกับการรักษา ทำให้ครอบครัวแทบแตก มีเรื่องทะเลาะกันทุกวัน หลังจากที่พ่อของเขาได้เข้ามาที่มูลนิธิไทยกรุณา พ่อเปลี่ยนไป กลายเป็นคนละคน พ่อไม่เคยด่าว่าใครอีกเลย ครอบครัวเริ่มกลับมาสมบูรณ์ จนพ่อมักจะบอกให้เอาเงินที่ไม่ต้องจ่ายค่ายา ไปซื้อกับข้าวทำกินกันเสมอๆ ทุกวันนี้พ่อหายจากโรค และกลับมาเป็นคนอารมณ์เย็น ทำให้ครอบครัวของเขา มีความสุขมาก จึงขอมากราบขอบพระคุณท่าน
สิ่งนี้บอกให้เราเป็นข้อสังเกตได้ว่า การรักษาโดยสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน ผู้ประสพผลไม่ได้เปลี่ยนแค่หายโรค แต่เขาเหล่านั้น ล้วนแล้วต้องเปลี่ยนนิสัย นำเอานิสัยของพระพุทธเจ้าบางประการมาใช้ด้วย ท่านจึงกล่าวว่า องค์ประกอบของที่นี่คือ "สมุนไพรรักษาโรค ธรรมรักษากรรม" ต้องมีทั้งสองส่วน ผู้ใดทำได้ ย่อมประสพผลอย่างแน่นอน โรคที่ว่าร้ายแรง ก็ไม่น่าห่วง เพราะนิสัยที่ร้ายกว่า ผู้นั่้นเขายังเปลี่ยนได้ โรคถือว่าเป็นของแถม เพราะสมุนไพร เขาเกื้อหนุนคนดี
สถานที่นี้ยังไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะบุคคลากร ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ ทางมูลนิธิเองจึงได้จัดกล่องรับความคิดเห็นไว้ เพื่อให้คนไข้ร่วมแสดงความคิดเห็น เสนอแนะติชม เพื่อร่วมกันพัฒนามูลนิธิไทยกรุณาให้เป็นทางเลือกแก่คนเจ็บไข้ทั่วไป ได้มีโอกาส ไม่ต้องรอพึ่งฝรั่งตาน้ำข้าวอย่างเดียว มูลนิธิฯ จะได้ปรับปรุงได้ถูกทาง เพราะมุมมองต่างกัน ทำให้เราเห็นความขัดแย้ง ที่อาจจะเรียกว่า บริการไม่ดี ในขณะที่เราคิดว่า ทั้งสองฝ่ายก็ต้องพึ่งกันและกัน ถ้าสามารถร่วมกันคิด ในที่สุดสถานที่นี้คงจะให้สุขแก่คน ทั้งผู้ให้และผู้รับ ได้เป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น