ช่วงนี้หลวงพ่อนิพนธ์ เน้นผู้ป่วยมะเร็ง เพราะจัดว่าเป็นกลุ่มที่มีอาการหนัก ท่านมักพูดว่า คนเหล่านี้ จัดว่ามีกรรมหนัก ดังนั้น การจะแก้ไข ต้องได้รับทั้งสมุนไพรที่เต็มที่ และทันท่วงทีกับอาการเฉพาะหน้าที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งต้องทำการอบรมเป็นพิเศษ เพราะต้องปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม ให้สอดคล้องกัน จึงจะสามารถชนะได้
ตัวเลขเฉพาะคนไข้มะเร็งที่อาการสาหัสในมูลนิธิไทยกรุณา ปัจจุบันมีประมาณเกือบ 400 รายที่เข้าข่ายเร่งด่วน หลังจากจัดกลุ่ม และแยกประเภทว่า เคยคีโมไหม ฉายแสงมากี่ครั้ง ผ่าตัดแล้วหรือยัง ระยะไหน เหล่านี้แล้วเสร็จ สงครามกับมะเร็งเพื่อกอบกู้ชีวิตคนไทยก็จะเปิดฉากขึ้น เพื่อให้คนได้มีทางเลือก ท่านผู้ป่วยที่ต้องการเข้าโครงการนี้ ให้แจ้งกับคุณปุ้ม ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลคนไข้ที่มาใหม่ และยังไม่ครบห้าครั้งโดยตรง เพื่อที่จะจัดเข้าพบ เพื่อวินิจฉัยในการจัดสมุนไพร เป็นรายๆ ไป
สิ่งที่น่าเป็นกำลังใจให้คนไข้กลุ่มนี้ ก็คือ คุณปอ นั่นเอง ที่หลวงพ่อจัดให้เป็นหัวหน้ากลุ่มคนไข้มะเร็ง เพราะเธอได้ผ่านอาการ มะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย ที่บวมจนปิด ระบบขับถ่ายไม่ทำงาน มาโดยการไม่ผ่าตัด ฉายแสง หรือคีโม แล้วหันมาใช้สมุนไพรของแม่ชีเมี้ยนเพียงอย่างเดียว นับว่าได้ผู้เชี่ยวชาญ มีประสพการณ์ตรง คงให้คำปรึกษาแก่คนไข้กลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี
นับได้ว่า คนไข้กลุ่มนี้ จะเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน พิสูจน์คุณค่าของสมุนไพร และธรรมของพระพุทธเจ้า ได้เป็นอย่างดีว่าใครทำได้ ย่อมมีโอกาสประสบผลตามรุ่นพี่ คือ คุณปอ และคนอื่นๆ ก่อนหน้า เป็นหลักบวกที่แสดงให้เห็นโอกาสรอด ไม่ใช่เดินเข้าแล้วหามออกอย่างที่เห็น ๆ กัน พ่วงมาด้วยหนี้ที่ลูกหลานต้องตามใช้ แลคำตรัสของพระพุทธเจ้า ที่ว่า " ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ " ทำได้จริงโดยธรรม หมวด "ตนพึ่งตน" เราคงได้เห็นผลกันในไม่ช้านี้ ขอเป็นกำลังใจให้คนไข้ทุกคน ที่เลือกเดินทางนี้ มีน้ำอด น้ำทน ดั่งรุ่นพี่ เพื่อเป็นการเปิดประตูให้คนรุ่นหลังไม่ต้องเดินหลงทิศ ให้พวก เสก เป่า รดน้ำมน หรือฝรั้่งหลอกกิน จนหมดตัวรายแล้วรายเล่า โดยเฉพาะพวกหากินกับชีวิตคน บนจอทีวี ซึ่งเราไม่รู้ว่า เขาทำกันได้อย่างไร กรรมมีจริงน่ะ ยิ่งยุคนี้ ติดจรวดซะด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น