ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา ที่เราเห็นคนไข้ของหลวงพ่อนิพนธ์ และฟังคำสอนของท่านมา มักจะได้ยินเสมอ คือ "ไก่รองบ่อน" อันหมายถึง ผู้ป่วยที่ผ่านเข้ามาในสถานที่นี้ ถ้าไม่ใช่ลูกศิษย์ดั่งเดิมที่ตามติดท่านมาตั้งแต่ถ้ำกระบอก ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาด้วยวิธีต่างๆ มาจนร่างกายช้ำแล้ว หรือหมดตัวแล้ว หรือ อะไรก็แล้วแต่ จนท้ายที่สุด จึงมาเลือกเดินทางในแนวนี้ เป็นทางเลือกสุดท้าย สิ่งที่พระภูมีเคยตรัสไว้ว่า "ให้ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท กันไว้ดีกว่าแก้" พุทธพจน์นี้ ลูกศิษย์ที่ติดตามมาได้เอามาปฏิบัติ ผลคือ ไม่มีใครเลยที่ต้องไปพึ่งโรงพยาบาล ไม่มีใครเป็นอัมพฤกต์ อัมพาต โรคหัวใจ ต้องเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไป เพราะได้ทานสมุนไพร และปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ไว้เป็นเกราะป้องกันตัว อันทำให้ประจักษ์ถึงความปลอดภัยของชีวิตในเส้นทางสายนี้ ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ในขณะที่ผู้ป่วยที่มา มีสภาพที่เลวร้าย อาจพูดได้ว่า ส่วนใหญ่นับถอยหลัง หมอไม่รับรักษาแล้ว จึงจำต้องเลือกเดินทางนี้ แต่ความจริงก็คือความจริง สมุนไพรต้องการเวลาในการที่จะฟื้นฟู ไม่ใช่ตามใจที่ใครจะกะเกณฑ์ ดังนั้น คนไข้ที่ว่าหนัก ถ้าร่างกายสามารถฟื้นฟูทัน ก็ถือว่าเป็นโชควาสนาของเขา แต่หากร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูทัน ก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก นั่นคือการต้องเสียเขาไป กระนั้นก็ตาม หลวงพ่อนิพนธ์ก็กล่าวว่า สมุนไพรก็จะลดความทรมานลงได้ในระดับหนึ่ง แต่ความจริงนี้ บางคนไม่ยอมรับ หลวงพ่อนิพนธ์และสมุนไพร จึงต้องตกเป็นจำเลยของคนเหล่านี้ เพราะเขาเหล่านั้น จะกล่าวว่า เป็นเพราะการทานสมุนไพร คือสาเหตุที่ทำให้ญาติของเขาต้องเสียชีวิต เราคงไม่แก้ต่าง เพียงแต่เห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างต้องว่ากันไปตามเนื้อผ้า นั่นแหละคือความจริง การมาที่นี่ คือมาเพื่อเรียนรู้ และเอาไปทำให้ตัวเองรอด ผู้ทำได้ย่อมรอด ผู้ไม่ทำก็ไม่ได้ ในขณะที่มีอีกหลายคน แม้อยากทำก็ทำไม่ได้ เพราะสภาพไม่อำนวย นั่นคืออุปสรรคใหญ่ที่ทำให้เขาไม่รอด เพราะสภาพที่เป็นอยู่ จะช่วยตัวเองในชีวิตประจำวันก็ยังยากเลย สิ่งเดียวที่เราเห็นและยืนยัน คือ มันมีคนรอด ดังนั้น คงเป็นไปไม่ได้ ที่สมุนไพรชุดเดียวกัน สูตรเดียวกัน จะทำให้คนตายและรอด พร้อมกัน
ในขณะที่ผู้ที่เป็นผู้สร้างความเลวร้ายให้ กลับกลายเป็นคนถูก ได้ทั้งเงินและได้ทั้งกล่อง ทั้งที่ความเป็นจริง ได้ทำลายชีวิตคนๆ นั้น จนหมดความสามารถ ในการกอบกู้ตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีเวลาเหลือให้สมุนไพร เราก็คงได้เห็น และได้ยิน อย่างนี้อีกต่อไป จึงอยากบอกเล่าว่า อย่าไปฟังคำเล่าลือ เสียงคนพูด ที่เกินจริง หันกลับมาอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ที่หลวงพ่อนิพนธ์บอก ทำไมตอนที่เริ่มเป็น จึงไม่มาเลือกทางนี้ รอจนไม่มีวันเวลา และสภาพความพร้อมในการฟื้นฟู แล้วก็มา เมื่อไม่ได้ดังหวัง ก็พาลทะโร ช่างไม่ยุติธรรมเลย คนที่ทำท่านจะเละ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย แถมยังได้ทรัพย์จากท่าน ในขณะที่คนที่พยายามกอบกู้ กลายเป็นผู้ร้าย หรือ ฆาตกรไป ความจริงนี้มันน่าเจ็บปวดยิ่งนัก
เราเคยพบผู้ป่วยมะเร็ง เล่าให้ฟังว่า หมอบอกต้องกินยาฮอร์โมน 5 ปี ห้ามขาด ถ้าขาดแม้แต่วันเดียวต้องเริ่มใหม่ ขณะที่เขามาที่มูลนิธิ ก็ใกล้ครบ 5 ปีแล้ว ได้ฟังวิทยากรบรรยายว่า ให้หยุดยาเคมี เขาจึงเกิดความลังเล ความลังเลของเขาหายไป ด้วยคำถามเดียว ที่ถามหมอคือ ถ้าเขากินครบ 5 ปี ตามหมอสั่งโดยเคร่งครัด แล้วเขาจะหายไหม คำตอบที่ได้ ทำให้ความลังเลหมดไปทันที เพราะเขาได้รู้สัจจธรรมแล้วว่า สิ่งที่เขาทุ่มเทมาเกือบ 5 ปี ไม่ได้อะไรเลย มา ณ วันนี้ อาการรุมเร้าที่มากขึ้น ทำให้ตัดสินใจเลือกทางนี้ แต่ก็ยังไม่รู้ผลว่า เขาจะรอดหรือไม่ เราก็ไม่รู้ว่าถ้าเขาไม่รอด ญาติเขาจะคิดอย่างไร ความรู้สึกนี้ ขนาดเรายังเจ็บปวดแทนหลวงพ่อนิพนธ์ เราไม่รู้ว่าเขาคิดกันได้อย่างไร สิ่งที่เราเขียนชวนให้คนมาใช้เป็นทางเลือก มันผิดหรือถูก แต่ส่วนลึกของเราก็ให้คำตอบว่า ในเมื่อมันมีคนรอด แม้หนึ่งในพัน ก็เป็นน้ำทิพย์ชโลมให้ความเจ็บนี้หายเป็นปลิดทิ้ง และบอกผู้คนให้รับความจริง ถ้าเลือกที่จะเดินสายนี้ คนที่คิดช่วยคน เขาต้องไม่คิดทำร้ายคนเป็นแน่ นี่คือความเชื่อของเรา และแม่ชีเมี้ยนย่อมไม่นำวิชามาให้ลูกของท่าน ทำบาปอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้น แม่ชีเมี้ยนยิ่งไม่มีทางให้ทุกข์แก่ผู้ใดอย่างแน่นอน และอยากบอกคนเหล่านั้นว่า อย่าคิดอย่างนั้นเลย มันเป็นบาปทางจิตเปล่าๆ ต่อผู้มีพระคุณ เพราะถึงแม้คนป่วยจะตาย แต่เขาก็รับรู้ได้ว่า สมุนไพรได้ช่วยให้เขาไปสบาย
ถ้าบังเอิญคุณนุช มาตาย เมื่อได้ทานสมุนไพร หลังจากที่ตะเวนไปทั่วโลก และไม่มีหมดอดๆ ช่วยได้ อะไรจะเกิดขึ้น โชคดี ที่ร่างกายของคุณนุข ยังมีเวลาเหลือพอในการกอบกู้ คิดตื้นๆ ก็เหมือนแกว่งเท้าหาเสี้ยน แต่หลวงพ่อนิพนธ์ท่านสอนเสมอว่า ลูกหมาตกน้ำยังต้องช่วย นี่ชีวิตมนุษย์ แม้มีโอกาสเพียงน้อยนิด ก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุด คนมีน้ำใจอย่างนี้ ท่านเคยเห็นที่ไหน
เราจำคำๆ หนึ่ง ของผู้หญิงวัย 50 ปี ซึ่งเป็นผู้ตรวจการบัญชีของรัฐท่านหนึ่ง กล่าวไว้ได้จนทุกวันนี้ว่า "ตัวท่านเอง มุ่งมั่นเรียนจนจบ บัญชีธรรมศาสตร์ เกียรตินิยม ไม่มีสามี ตั้งใจทำงานสร้างฐานะ ความมั่นคงในอาชีพ เชื่อมั่นในหมอ ดูแลตัวเองมาตั้งแต่สมัยเรียน ทานยาตามหมอสั่งไม่เคยพลาดแม้แต่วันเดียว มา ณ วันนี้ ที่ได้มาพบกับแม่ชีเมี้ยนและสมุนไพรของหลวงพ่อนิพนธ์ สภาพร่างกายก็ไม่เอื้ออำนวยให้ทานแล้ว คิดแล้วเสียดาย แต่ก็ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อ ที่ทำให้ท่านตายสบายไม่ทรมานจนเกินไป เสียแต่วาสนาของท่านน้อยไปหน่อย จึงมาพบช้าไป" คนอย่างนี้สิ จึงเรียกว่าคนจริงน่านับถือ เราขอคาราวะด้วยใจจริง แม้ท่านจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น