วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

ผลของการเอาธรรมของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติเป็นเช่นไร

หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ลองพิจารณากิจกรรมการสวดมนต์ ที่บังคับให้ทำ แม้ผู้ทำจะไม่สมัครใจแต่ก็ทำตามเพื่อให้ได้สมุนไพร ท่านอรรถาธิบายว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องกรรม ก็แล้วกรรมมันจำเราทุกคนได้อย่างไร ไม่ผิดเพี้ยน ก็จำนิสัยที่เราทำนั่นเอง ดังนั้น การบังคับให้เขามาให้สงบ กาย วาจา ใจ และสวดมนต์ รวมทั้งฟังธรรมที่แม่ชีเมี้ยน ถ่ายทอดจากพระพุทธเจ้า มาเพื่อเลือกไปปฏิบัติ ตามแต่ละบุคคล แม้เป็นการบังคับ แต่ไม่ได้ทำตามนิสัยของใครคนใดเลย บังคับให้ทำตามนิสัยของพระพุทธเจ้า ท่านจึงบอกว่า ผู้ใดก็ตามที่เข้ามาในห้องสวดมนต์ แล้วปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะสาหัสสักฉันใด ก็ไม่มีอาการปัจจุบันทันด่วน ทำให้เสียชีวิตอย่างแน่นอน ด้วยเหตุผลนี้เอง เพราะกรรมมันจำไม่ได้ คนที่จะต้องตายนาทีนี้ คนนี้มีนิสัย ชอบด่าคน ว่าคน หรือ พึ่งคนอื่น เมื่อเวลามาถึง กรรมมันตามมา สิ่งที่กรรมเห็น คือ คนที่นั่งสงบ ไม่โกรธใคร ไม่ด่าใคร สวดมนต์ และกำลังทำนิสัยของพระพุทธเจ้าอยู่ มันจึงจำไม่ได้ หรือ ไม่แน่ใจ ก็เลยผ่านไป ดังนั้น สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน จึงไม่ใช่การล้างกรรม แต่เป็นการหนีกรรม โดยการเอาธรรมของท่าน มาข่มกิเลส ข่มนิสัยของตน แล้วมาใช้นิสัยของพระพุทธเจ้าแทน ทำให้กรรมจำไม่ได้ ตามไม่ทัน แต่กรรมก็ยังวนเวียนอยู่ เมื่อใดที่เรากลับไปใช้นิสัยเดิม มันก็มาหาเราเช่นเดิมอีก หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า เราไม่กลัวโรคพวกท่าน จะหนักสักฉันใด แต่กลัวนิสัยพวกท่าน กลัวท่านจะไม่นำสิ่งที่ท่านสอนไปปฏิบัติ ทำให้ไม่สามารถหนีกรรมพ้น แม้จะกินสมุนไพรสักฉันใด การบังคับ ก็ได้กาย กับ วาจา มาก่อน สักวันเมื่อเขาเรียนรู้ ก็จะครบองค์สาม เช่นเดียวกับการประกอบกรรม ยามทำ เราก็ครบองค์ กาย วาจา ใจ เมื่อจะแก้ พระพุทธเจ้า ก็สอนให้ทำครบองค์สาม เช่นเดียวกัน เมื่อเขาทำครบองค์สามวันใด การทานสมุนไพรก็ประสพผลเร็วขึ้น ยิ่งทำมากก็ได้มาก ธรรมจึงเป็นแหล่งบุญ หากแต่ว่า อยากได้ ต้องเรียนรู้ และไปทำเอง พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า หลักสมุนไพร ก็เป็นธรรมหมวดหนึ่งของท่าน คือ หลัก "ตนพึ่งตน" ผู้ทำย่อมได้ ผู้ไม่ทำย่อมไม่ประสพผล จะให้ใครทำแทนไม่ได้เลย

หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกว่า ชีวิตท่านมีสองภาค คือหนึ่งเป็นคนธรรมดา สองเป็นตัวแทนของแม่ชีเมี้ยน เมื่อขณะที่ท่านพูดสอน มิใช่ความคิดของท่าน วาจาของท่าน เป็นเพียงแต่ใช้ลมปากของท่าน ทุกสิ่งอย่าง เป็นความคิด เป็นวาจาของแม่ชีเมี้ยน ที่ท่านได้นำเอา คำสอนของพระพุทธเจ้า มาถ่ายทอดให้ ตัวท่านอุปมาดั่งวิทยุเครื่องเก่าๆ แต่เสียงที่ออกมา ต่างหากที่มีความสำคัญ แม่ชีเมี้ยนจึงบอกท่านว่า ความศํกดิ์สิทธิ์ของตำรา ที่แลกมาด้วยการดับลมหายใจของท่าน ขึ้นอยู่กับสัญญาที่ให้ไว้กับท่าน ว่า "จะไม่เอาสมุนไพรมาขาย" ไม่ใช่อยู่ที่การปฏิบัติถือศีล ของตัวหลวงพ่อนิพนธ์ ท่านจึงไม่จำเป็นต้องบวช เมื่อสัญญายังอยู่ สมุนไพรก็ยังมีวิญญาณ ยังมีผลแก่มนุษย์ หากวันใดผิดสัญญา ก็เฉกเช่นเดียวกับพี่ชาย ตายด้วยโรค แม้จะมีตำราก็ตาม ดังนั้นผู้ที่มาที่นี่ จึงพิจารณาด้วยว่า ท่านมาทำไม มาหาอะไร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ คือ แม่ชีเมี้ยน คำสอนของพระพุทธเจ้าที่แม่ชีเมี้ยนถ่ายทอดมา และตำราสมุนไพรเท่านั้น ส่วนตัวท่านแล้วแต่ว่า ผู้ป่วยจะวางไว้ในสถานะใด ด้วยเหตุนี้ แม้จะมีผู้ทำใจไม่ได้ ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาอยู่กับท่าน แต่อยากได้สมุนไพร เข้าทำนอง เกลียดตัว กินไข่ ก็เป็นกรรมของผู้นั้น แม่ชีเมี้ยนจึงตรัสว่า "ตัวลูกเหมือนส้วมเก่าๆ แต่ของที่อยู่ในส้วมคือทอง ต้องมีคนตาถึงมองเห็น เขาจะไม่สนใจว่า ที่นี่เป็นส้วม จะเดินเข้ามาเพื่อหยิบทอง อย่างแน่นอน"

เพื่อการรักษาค่าของสมุนไพรไว้ ต้องแลกมาด้วยสิ่งต่างๆมากมาย ผู้ที่จะมาทานโดยไม่ศึกษา เรียนรู้ ได้แต่ฝันลมๆแล้งๆ ตามคำบอกเล่า ทานแล้วหาย ทานแล้วดี คงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน และเมื่อเส้นทางนี้มีผู้ทำแล้ว ประสพผล รายแล้วรายเล่า เป็นพันๆ คน แม้จะมีผู้ไม่ประสพผลมากกว่าเป็นเรือนหมื่น ก็หาใช่ด้วยเหตุแห่งคำสอน และสมุนไพร ไม่มีคุณค่าไม่ หากแต่เป็นที่เขาเหล่านั้น ไม่คิดจะเรียนรู้ และขาดน้ำอดน้ำทน ดั่งคำตรัสของพระพุทธเจ้าไม่ว่า "ทุกข์วันนี้ เพื่อสุขวันหน้า" และสิ่งที่คนเรือนพันผ่านมา ก็จะได้นิสัยของพระพุทธเจ้า ติดตัวไป คือ "ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว" ใช้สร้างบุญเป็นเกราะป้องกันภัย ทั้งโรค และอุบัติภัย ในภายภาคหน้า มีนิสัยพระเวสสันดร เป็นผู้ให้ และสำคัญสุด คือ เป็นคนดี ตามจุดประสงค์ของ พระพุทธศาสนา นั่นเอง

การประสพผลด้วยวิธีนี้ ไม่ได้มาด้วยการเสียเงินซื้อ แต่ได้มาด้วยการเสียนิสัยที่ไม่ดี นำไปถวายแม่ชีเมี้ยน และพระพุทธเจ้า พร้อมกับ ได้สุขภาพ คือความไม่มีโรค และนิสัยของพระพุทธเจ้าติดตัวกลับมาต่างหาก ซึ่งจะให้ใครช่วยไม่ได้เลย ต้องทำเอง พระพุทธเจ้าจึงเรียก ธรรมหมวดสมุนไพร ของท่านว่า ธรรมชาติบำบัด หรือ ธรรมหมวด "ตนพึ่งตน" จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมโลกนี้ จึงไม่จำเป็นต้องมีหมอ และไม่มียารักษาโรค

ท่านใดที่คิดจะนำสมุนไพรไปล้างกรรม อันเป็นเหตุแห่งโรค โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย เราก็คืดว่า ท่านอย่ามาเสียเวลากับสถานที่นี้เลย เพราะผลมันเห็นๆ กันอยู่ ที่นั่นคงไม่สามารถสนองความต้องการของท่านได้เป็นแน่แท้

แลยิ่งไปกว่านั้น บางท่านอาจแลเห็น ว่าการเป็นคนไข้พิเศษ โดยการนำเงินไปให้มูลนิธิ เพื่อให้ได้สิทธิ ด้วยหวังว่า การเป็นคนไข้พิเศษ จะได้สมุนไพรมากตามความต้องการ และจะได้รับความดูแลเป็นพิเศษ ความคิดนี้ยิ่งผิดมหันต์ ก็ด้วยความคิดนี้ คนไข้พิเศษเหล่านั้น จึงไม่ประสพผลในท้ายที่สุุด เพราะไม่ยอมรับความเป็นจริงว่า อยากได้ต้องทำเอง ต้องเรียนรู้วิธีการสร้างบุญ คือสร้างสุขให้ผู้อื่นแล้วทำ การทานสมุนไพรก็ไม่มีความจำเป็นต้องทานมาก หลวงพ่อนิพนธ์ จึงยกตัวอย่าง คนป่วยหลายราย ที่หายจากโรคแล้ว ก็ไม่ได้มาทานอีก ยกเว้นเมื่อมีกิจกรรมรำลึกคุณแม่ชีเมี้ยน หรือวันเข้าพรรษาของพระท่าน ก็จะมาและทานสมุนไพรเป็นเชื้อ คนละแก้ว ก็พอแล้ว สิ่งที่คนเหล่านั้นทำ คือ การปฎิบัติตามคำสอน เพื่อให้เกิดภาวะที่เรียกว่า "บุญรักษา" นั่นแหละจะเป็นการรักษาที่ยั่งยืน สุดยอดของพระพุทธศาสนา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44