วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

โปรดฟังอีกครั้ง

เรื่องของศาสน์ อันเป็นที่พึ่ง ในยามที่เรามีปัญหา โดยเฉพาะเรื่องของชีวิต ที่ปัญญาทางโลก ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ไม่สามารถแก้ได้ พูดให้ชัด นั่นคือ หมดปัญญาแก้ หรือ ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง เหมือนลิงแก้แห ... นี่คือความจำเป็นที่เราต้องมีศาสน์

หากแม้นไม่มีศาสน์ มนุษย์ก็อยู่ได้ เพราะมีพรหมลิขิตเป็นพี่เลี้ยงอยู่แล้ว เพียงแต่ ด้วยนิสัยสันดานของมนุษย์ ที่กรรมเขาส่งเสริม ยิ่งวัน นิสัยก็ยิ่งเพิ่มพูน ดังนั้นความเลวร้าย ไม่ว่าด้านใด ก็จักทวีความรุนแรงขึ้น เรียกว่า ตาชั่งความชั่วมันหนักขึ้น โลกก็เอียงมากขึ้น นี่แหละจึงทำให้ศาสน์ จึงทวีความสำคัญ เพื่อให้มนุษย์ได้มีโอกาสมีทางเลือก

หลักของศาสน์ จึงเป็นหลักของเหตุและผล ขอย้ำ มีเหตุ และมีผล

หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบาย ชี้ชัดเลยว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มนุษย์ทุกรูปนามอยากได้ มีอยู่แล้วในธรรมชาติ และมีอยู่แค่สองสิ่ง นั่นคือ กรรมศักดิ์สิทธิ์ และ ธรรมศํกดิ์สิทธิ์ ซึ่งมนุษย์สร้างไม่ได้

การเข้าถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงวิธีเดียว นั่นคือ การสร้างคุณสมบัติ รองรับ แล้วให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เกื้อกูล

กรรมศักดิ์สิทธิ์ มีให้เลือกสองแบบ คือ กรรมดี และกรรมชั่ว อยากได้แบบใด ก็ทำเอา หากแต่สิ่งที่เสมือนม่านบังตา บังใจ นั่นคือ ผลแห่งการทำ ทำวันนี้ ผลที่ได้คือ อนาคต ส่วนผลที่เกิดในวันนี้ นั่นคือผลแห่งการทำในอดีต ...

ผลสำเร็จที่ทำแล้ว พระภูมีทรงเรียกว่า ตัวกระทำ เมื่อทำแล้วลบไม่ได้ ใครจะมาทำลายไม่ได้

ตัวอย่างที่มักถูกหยิบยกมาให้เห็น นั่นคือ บุคคลที่ทำกรรมดีไว้ในอดีต หรือ เสวยกรรมชั่วมานานมากโข เหลือแต่กรรมดี ยามเมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ แม้นจักทำบาปสักฉันใด กรรมดีก็ส่งเสริมให้ได้ดิบได้ดี คนจักแช่งชักหักกระดูด ก่นสาปสักฉันใด คนประเภทนี้ก็รุ่งเรือง มีพลานามัยสมบูรณ์ แถมยังอายุยืน ตามกรรมดีในอดีตที่ทำมา คนแช่งตายไปแล้ว คนเหล่านี้ยังอยู่ .... จนเกิดคำตัดพ้อว่า ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วได้ดีมีถมไป ซึ่งไม่จริงเลย เป็นการดูเฉพาะหน้า หากแต่นี่คือผลในอดีตของเขาต่างหาก เมื่อผลในอดีตหมด คนเหล่านี้ต้องรับผลกรรม ซึ่งน่าเสียดายไม่มีใครรู้ เห็นก็แต่เพียงความรุ่งเรือง แม้นทำความชั่ว ก็เลยมีคนทิ้งความดี มาทำตามกันมากมาย ...

หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า แล้วมันเป็นไปตามความอยากนั้นหรือไม่ ต่างคนต่างกรรมต่างวาระ นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้คนไม่ประสพตามความอยาก เพราะไม่มีผลในอดีตสนับสนุน อยากให้ตาย ก็เจออุปสรรค แค่เฉพาะเรื่องใกล้ตัว ทุกคนอยากมีแฟนสวย แฟนหล่อ อยากรวย แค่นี้ก็ไม่สมอยากแล้ว

เมื่อมีโอกาสมาเจอศาสน์ การฟัง จึงเป็นเรื่องบอกที่มาของเหตุ แล้วให้สร้าง ให้เขียนพรหมลิขิตของตนใหม่ โอกาสที่ได้รับ เกิดจากการทำตามธรรมคำสอน เมือสร้างคุณสมบัติได้ ธรรมศักดิ์สิทธิ์เขาเกื้อหนุน

ความต่างพึงบังเกิด กรรมดี กรรมชั่ว ลบล้างกันไม่ได้ แต่อำนาจของธรรมศักดิสิทธิ์ ทำได้ นี่เองจึงเป็นเหตุให้ เปลี่ยนพรหมลิขิตได้ ตามนิสัยธรรมที่ทำได้นั่นเอง

คนที่อยากไปนิพพาน เขาต้องเปลี่ยนนิสัยกรรมให้หมดลงไม่เหลือเลย สร้างนิสัยธรรมขึ้นมาแทน จึงไปได้ แต่หลวงพ่อนิพนธ์บอกว่า เราท่านไม่ถึงขั้นนั้น แค่หายโรค ขอเพียงมีนิสัยธรรมบางสิ่งบางอย่าง ก็เพียงพอแล้ว

การฟัง ทำให้รู้เหตุที่มาแห่งกรรม และ การสร้างนิสัยธรรม บางประการที่สามารถช่วยตนของเราท่านได้

เมื่อเราท่านมาเรียน จึงต้องเรียนรู้หัวข้อใจความสำคัญสองประการ หนึ่ง คึือ ทำอย่างไรจึงเป็นบุญทานตามพุทธบัญญัติ เมื่อเรียนแล้วก็นำไปทำ

สอง อะไรคือ สิ่งที่จะทำให้บุญทานที่เราทำนั้นเสียไป โดยเปล่าประโยชน์ หรือ ทำแล้วไม่เกิดผล

บทสรุปที่หลวงพ่อนิพนธ์เน้นย้ำในช่วงนี้ คือ เมื่อรู้หนทางบุญ ก็ต้องรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งทำลายบุญที่เราท่านทำนั้น

ข้อปฏิบัติที่จักให้ผลมหาศาล ที่หลวงพ่อนิพนธ์แนะนำ เพื่อสร้างบุญมาช่วยตน ที่ให้ทำ นั่นคือ ความสงบ ใน ๓ ช่วงเวลา อันหมายถึง กรรมฐานที่ต้องรักษา อันได้แก่ ยามสวดมนต์นั่งฟังธรรม ยามเข้ากระโจม และ ยามรับสมุนไพร

ทั้งสามเวลาคือยามมงคลที่เราท่านใช้ในการสร้างบุญ แลบุญที่จักได้มากน้อยสักเพียงใด ก็ขึ้นอยู่ที่คุณสมบัติที่สร้างได้ว่ามากน้อยสักเพียงใด อุปมาเหมือนสร้างภาชนะรองรับ สร้างได้ใหญ่แค่ไหน บุญก็ได้เท่านั้น จึงเรียกว่า หลัก ใครทำ ใครได้

รอยพุทธประวัติแห่งการปฏิบัติธรรม ที่เห็นกันทั่วไปตามวัด นั่นคือ การนั่งฟังของสงฆ์สาวก นับพัน นับหมื่น ต่อหน้าพระพักตร์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากแต่อุปมาเหมือนพระพุทธเจ้านั่งเพียงพระองค์เดียว เพราะเงียบสงัด มีแต่เสียงของพุทธองค์ที่ทรงตรัสเท่านั้นที่ดังอยู่

ธรรมของพระภูมี ไม่ต้องท่องบาลีสันสกฤต เหมือนพราหมณ์กล่าวอ้าง ให้ปวดเศียร ฟังง่าย เข้าใจง่าย ทำได้ทุกคน ... ปัญหาอยู่ที่ ความอยากได้ของผู้ฟังต่างหาก ... แม้นพระภูมีจะมีฤทธิ์สักฉันใด มีบุญญาบารมีสักฉันใด ก็ช่วยคนที่ไม่อยากได้ ไปนิพพานไม่ได้ จะเมตตาสักฉันใด ก็ต้องทำใจวางอุเบกขา เพราะนี่คือ หลักตนพึ่งตน

โปรดฟังอีกครั้ง .... เมตตา กรุณา มุทิตา ... กำลังจะผ่านไป ธรรมหมวดอุเบกขา กำลังจะถูกนำมาใช้ นั่นคือ การคัดสรรเฉพาะบุคคลที่อยากได้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวเตือนว่า เรื่องของชีวิตต้องมาก่อน ไม่มีชีวิต ก็ไม่มีวันได้สิ่งที่อยาก ... ผู้ใดไม่มีวันเวลาให้ในการกอบกู้ชีวิต ผู้นั้นขาดคุณสมบัติ จักไม่เสียเวลา เสียสมุนไพรให้กับคนเหล่านั้นอีกอย่างแน่นอน

หากผู้ใดคิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีเกลื่อนโลก โน่นก็ใช่ ที่นั่นก็มี ก็ลองเอามะเร็ง เอาเอดส์ ไปถวายดู .... หากช่วยได้ นั่นแหละของจริง ... เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แม้นมีจริง แต่เป็นของบุคคลิก ให้ไว้แก่ผู้มีคุณสมบัติเท่านั้นเอง ไม่มีใครสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ แม้นแต่พระภูมี ก็หาใช่สร้างตนจนศักดิ์สิทธิ์ไม่ เพียงแต่ทำคุณสมบัติ ทำนิสัยของตน จนหมดกิเลส สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงให้เป็นตัวแทน ใช้ช่วยตนและสาวก ...

สิ่งศํกดิ์สิทธิ์ที่มนุษย์ร่ำร้อง อยากให้ช่วย พ้นกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ จึงมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือ ธรรมโลกุตระ ... อันเป็นของโลกนิพพาน นอกนั้น ที่มนุษย์สร้าง มันศักดิ์สิทธิ์เฉพาะยามมีกรรมดีเท่านั้นเอง บทพิสูจน์ที่ชี้ชัด หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบายให้กระจ่างก็คือ ก็เราท่านเป็นโรค ทั้งๆที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ถ้าศักดิ์สิทธิ์จริง ก็ช่วยไม่ให้เป็นแล้ว ไม่ต้องรอเป็นแล้วมาช่วยหรอก

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44