ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557
กายวิภาค ว่าด้วยภูมิ
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า ร่างกายมนุษย์มีธรรมชาติ หรือกลไกในการแก้ไขปัญหาที่เกิด ด้วยการตรวจสภาวะความผิดปกติของร่างกาย แล้วแจ้งไปยังสมอง เมื่อพบความผิดปกตินั้น ก็จะสร้างภูมิขึ้นมาเพื่อแก้ไขอาการนั้นๆ
ความไม่รู้ จึงกลายเป็นเหยื่อของคนฉลาด นั่นคือคำโบราณว่าไว้
คำนี้ช่างเข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน ที่ฝรั่ง ผลิตยาเคมี มาให้ทาน นั่นคือการทำลายภูมิ ยิ่งทาน จึงยิ่งอ่อนแอ จากโรคหนึ่ง เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะที่โรคดั่งเดิม ก็ยังอยู่
กายวิภาคที่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็น ว่าเป็นธรรมชาติ อาทิ เซลล์มะเร็ง ก็เป็นเซลล์ที่เกิดเป็นรอบๆ วัฐจักรทุก ๖ ปี ในมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว หากแต่เมื่อเกิดร่างกายมีภูมิ ก็สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งนั้นๆไปได้ เซลล์อันต่อมา ที่อาจจะหาคนรู้เรื่องแทบจะนับตัวคนได้ นั่นคือ เซลล์ตะคริว
หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบายว่า ธรรมชาติ กายคนต้องการอุณหภูมิ ระดับหนึ่ง ที่คนทั่วไปเรียกว่า ธาตุไฟ หากเกิดปัญหาธาตุไฟอ่อน คนผู้นั้นก็จะเกิดอาการที่หลวงพ่อนิพนธ์อุปมาเสมือนคนอยู่ในขั้วโลก
ไฟธาตุ ก็มากับเลือด ดังจะเห็นได้ว่า คนตายปุ๊บเลือดไม่เดิน ร่างกายจะเย็นเฉียบ ดังนั้น คนที่เลือดน้อย จึงเกิดอาการดังกล่าว ผลก็คือ อาการปวดตามมา อาทิเช่นอาการที่เกิดในคนเป็นมะเร็ง หรือโรคเลือด ยิ่งถ้าไม่ยอมทานอาหารด้วยแล้ว ร่างกายก็จะขาดเลือดไปเรื่อยๆ ผอมลง จนในที่สุด หัวใจจะหยุดทำงาน เพราะเลือดไม่พอ .. ไม่ต้องรอมะเร็ง
เมื่อร่างกายปกติ ภูมิก็ไม่ถูกสร้าง พูดกลับด้าน ภูมิจะถูกสร้าง ก็แสดงว่าร่างกายผิดปกตินั่นเองที่เป็นเหตุ ดังนั้น หลักการของสมุนไพร จึงต้องปล่อยให้อาการมันเกิด เพื่อกระตุ้นการสร้างภูมิ โดยมีสมุนไพรเป็นวัตถุดิบที่ร่างกายใช้ในการสร้างภูมิ
กายวิภาคอันนี้ จึงเป็นปัญหา และเป็นตัวกลั่นกรอง ที่ทำให้การใช้กระบวนการสมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา คนนิยมน้อย ก็เพราะคนทั่วไป ล้วนแต่ผู้ดีตีนแดง นั่นคือ ไม่ยอมให้อาการใดๆ เกิดเลย
ภาพที่หลายคนมโน ก่อนมาทานสมุนไพร จึงเป็นแต่คำที่ฟังคนคุยมา ว่าสมุนไพรดีอย่างนั้น ดีอย่างโน้น คนที่เห็น ก็เป็นหนัก มาทานยังรอด หายเป็นปกติ คนโน้นหาย คนนี้หาย แต่สิ่งที่ไม่เคยรู้เลยว่า ก่อนที่คนเหล่านั้นจะหาย จะเกิดอาการอะไรบ้าง ที่ต้องทน จนกว่าภูมิของร่างกายจะถูกสร้างขึ้นมา แล้วกดอาการเหล่านั้นลง จนลดน้อยและหายไปในที่สุด
ผลก็คือ เมื่อคนเหล่านี้มาใช้แนวทางนี้ จึงหวังว่า ทานสมุนไพรแล้วจะหาย โดยไม่มีอาการใดๆ มาระคายเคืองให้ขุ่นข้อง ต้องเจ็บ ต้องปวด ต้องทรมานสักนิด ... ซึ่งเป็นไปไม่ได้
คำ "ลงแดง" จึงเป็นของคู่กันกับสมุนไพร ที่คนที่มาใช้แนวทางนี้ ต้องเจอทุกตัวคน ผ่านได้ ด้วยขันติอดทน แล้วจึงหาย
ภูมิ จึงอุปมาการล้างบาป ล้างกรรมที่ทำมา หาใช่ด้วยการอ้อนวอน ร้องขอ ต้องผ่านวินัยทุกข์ ผ่านกรรมฐาน ตั้งสติในขณะเกิดลงแดง ใช้ขันติอดทน ... ด้วยพระภูมีทรงเห็นวินัยการล้างบาปของท่านเป็นเช่นนี้ เรียก การล้างบาป ด้วยวินัยทุกข์ ทุกข์กับวินัยธรรม ดีกว่าทุกข์กับกรรมกับโรคที่จะเกิด ... จึงให้สติสาวกในการปฏิบัติวินัยนี้ว่า "ทุกข์วันนี้ สุขวันหน้า อย้าท้อใจ"
ค่าของภูมิ ที่เกิดขึ้น นั่นคือ เมื่อชนะได้ ในอนาคตก็จักไม่กลับมาเป็นโรคนั้นๆ อีก อย่างแน่นอน จึงเรียกว่าการหายโรค
แต่คุณค่าที่คนอาจคิดไม่ถึง นั่นคือ เลือดของคนผู้นั้น ก็คือวัคซีนดีๆ นี่เอง สามารถนำไปสกัด แล้วทำวัคซีนกันโรคได้เป็นอย่างดี เพราะมีภูมิ หรือสาร ป้องกันโรคนั้นๆอยู่ในเลือด
ความน่ากลัวของยาเคมี นั่นคือ ตัวของมันมีคุณสมบัติเหมือนหิน คือเป็นวัตถุเย็น เมื่อทานเข้าไป จะก่อให้เกิดสภาวะที่เย็นในบริเวณนั้น ประการหนึ่ง กดทับให้เซลล์บริเวณนั้น น็อคไป ด้วยขาดเลือดไปเลี้ยง ประการหนึ่ง ...
กายวิภาคอันนี้ จึงทำให้เราท่านมองเห็นภาพว่า หากมันเกิดในหลอดเลือดสมอง นั่นคือ บริเวณที่จะเกิดการเปราะ หรือ แตกของหลอดเลือด ทำให้ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไมคนที่ทานยาคุมความดัน จึงเป็นอัมพฤกต์ทั้งที่กิน
เลิกยาเคมีได้ ร่างกายก็เบาภาระไปครึ่งหนึ่งแล้ว การทานยาเคมี หลวงพ่อนิพนธ์จึงเรียกว่า เป็นการทำร้ายตนเอง เป็นบาปชนิดหนึ่ง นี่คือเหตุที่ทำไมที่นี่จึงยุให้เลิกยาเคมีให้เร็วที่สุด
อุปมาให้เห็นภาพชัด นั่นคือ ยาเคมีทำให้เซลล์หลอดเลือดตรงนั้น เป็นตะคริว มันจึงไม่ยืดหยุ่น แล้วก็แตกนั่นเอง ผลที่ตามมา เลือดที่ไหลออกมา เจอความเย็น ก็กลายเป็นลิ่มเลือด กดทับประสาท จึงเกิดอาการอัมพฤกต์ หากไม่มากนัก ก็จะเป็นชั่วคราว แล้วหายไป แต่ก็พร้อมจะเป็นอีก และหนักขึ้น
นี่จึงเป็นเหตุว่าคนเหล่านี้ทำไมต้องทานยาสลายลิ่มเลือด
แต่ยาเหล่านี้ก็แก้ปัญหาได้ไม่หมด ... มาเจอสมุนไพรพระภูมี คือ ยาลูกกลอนน้ำผึ้ง ที่มีพริกไทย กระเทียมโทน น้ำผึ้ง ... ให้อุณหภูมิธาตุไฟสูง แก้เซลล์ตะคริว ให้ความยืดหยุ่น แก้เส้นเลือด ทำให้เลือดใส ...
จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่าหากทานได้ถึงปริมาณ ไม่มีทางเป็นอัมพฤกต์เด็ดขาด
เราท่านจึงเห็นอำนาจกรรมได้ง่าย จากคนที่เป็นอัมพฤกต์ อัมพาตเหล่านี้ เพราะคนพวกนี้ จะไม่ชอบทานสมุนไพรนี้ ... นี่แหละกรรม ขืนให้ทานมากๆ ก็หายน่ะซิ
หนำซ้ำ เหตุแห่งการเป็นคือสมอง คนเหล่านี้ กลับเชื่อหมอบอกว่า กล้ามเนื้อมีปัญหา ต้องไปกายภาพบำบัด ต้องไปอาบน้ำแร่ ... เฮ้อ... กรรมหนอกรรมอะไร
หลวงพ่อนิพนธ์สรุปให้ฟังว่า เครื่องมือใดจะดีกว่าร่างกายตนไม่มีเลย และเมื่อร่างกายรับรู้ปัญหา ก็ขาดแต่เพียงวัตถุดิบ นั่นคือเหตุที่ต้องทานสมุนไพร เพราะมันไม่มีในอาหาร
อยากมีภูมิ ก็อย่าไปทานเคมีกดอาการที่เกิด ... แล้วจะได้หายโรคสมใจ