วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

คำถามเล็กๆ แต่ไม่เล็ก

หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวเสมอว่า เรื่องของศาสนามีรายละเอียดปลีกย่อย มีเหตุมีผลของตัวมันเอง ในการที่จะให้ทำหรือไม่ให้ทำ

บางครั้งก็เป็นการยากที่จะบอกซึ่งเหตุเหล่านั้น ผลที่เกิดก็คือ หากเชื่อ และศรัทธา ก็ทำตามที่บอก ทั้งๆที่ยังไม่ได้บอกเล่าถึงเหตุและผลที่ให้ทำ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ให้วางใจว่า สิ่งที่ให้ทำย่อมเป็นคุณ เพราะผู้ที่บอกย่อมต้องรับผลแห่งการบอก การสอนให้ทำในสิ่งนั้นๆ ยิ่งไม่เอาเงินเอาทองด้วยแล้ว จะมาบอกสิ่งผิดๆ ให้ตนได้รับกรรม ก็คงเป็นไปไม่ได้

คำถามเล็กๆ ที่คนไข้ท่านหนึ่งถาม ทำไมเวลาเข้าห้องสวดมนต์ จึงพูดคุยไม่ได้ เล่นโทรศํพท์ไม่ได้ ... เพราะดูแล้วไม่น่าจะเสียหายอันใด หรือร้ายแรงแต่ประการใด

ก็เห็นเมื่อก่อนเจ้าหน้าที่ จ้ำจี้จำ้ไช ยิ่งนัก ... แต่ตอนนี้ก็ปล่อยอิสระ

หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบายว่า ประการแรก ความเหมือนของกรรม กับ ธรรม นั่นคือ มีเหตุที่มาเหมือนกัน หรือ ธรรมชาติที่เหมือนกัน นั่นคือ เกิดจากสิ่งที่ทุกคนมี และทุกคนทำได้ เหมือนกัน

เมื่อกรรมที่ทำมา ก่อให้เกิดทุกข์ด้วยกรรมนั้นมันสมบูรณ์ ด้วยการกระทำ คือ กาย วาจา ใจ อันมีเหตุจากนิสัยกรรมเป็นผู้นำ

เมื่อทำธรรม ก็ต้องสมบูรณ์ด้วยกาย วาจา ใจ เฉกเช่นเดียวกัน จึงจะสามารถล้างกรรม

กรรม อุปมาหนี้ การสร้างบุญ ก็เหมือนหาเงินบุญ เพื่อไปซื้อกรรม เมื่อทำไม่สมบูรณ์ เงินบุญที่ได้ ก็หาเพียงพอไปใช้หนี้กรรม จะพ้นกรรมอันนั้นได้อย่างไรประการหนึ่ง

คำกล่าวที่ว่า ไปที่ใดให้เคารพสถานที่ เข้าป่า ก็ต้องไหว้เจ้าป่า เจ้าเขา เข้าบ้าน ก็ต้องไหว้พระภูมิเจ้าที่ ... แล้วสถานที่นี้ มีอะไร มีแม่ชีเมี้ยน มีพระพุทธเจ้า ... เมื่อเข้าห้องสวดมนต์ ก็อุปมาเหมือนเข้ามาในสถานที่ของท่าน จึงต้องลดกิริยา เป็นบางสิ่งบางอย่าง ... อยู่ในความสงบ ถือว่าให้เกียรติแก่เจ้าของสถานที่ หรือให้ความเคารพ ...

ประเภทกล่าวอ้าง หลวงพ่อนิพนธ์ยังไม่เข้า จะทำอะไรก็ได้ จึงตกในคำพังเพย ลิงหลอกเจ้า เมื่อเจ้าไม่อยู่ ก็มีพฤติกรรมเป็นลิง หาความสงบไม่ได้เลย แถมตกอยู่ในสถานะ หน้าไหว้หลังหลอกอีกต่างหาก

เหตุและผลในการมา นั่นคือ การช่วยตน เพราะที่มาก็เพราะเรื่องของชีวิตตน หากแต่กิจกรรม ที่ช่วยชีวิตตน กลับไม่ให้ความสำคัญ พฤติกรรมเยี่ยงนี้ อาจจะหลอกผู้อื่นให้เห็นว่าตนดี ด้วยการแสร้งเมตตาผู้อื่น เมตตาสัตว์ สักฉันใด แต่ชีวิตตนกลับวางเฉย ไม่ช่วยแล้วยังทำลายได้ ... เรียกว่า ทำดีเอาหน้า ไม่ควรคบ เพราะชีวิตตนยังไม่รัก จะไปรักผู้อื่นได้อย่างไร

ประการที่สำคัญ ด้วยคนเรามีความสามารถต่างกัน การสร้างพลังแห่งความสงบ จักทำให้คนที่มีความสามารถน้อย ในการรับฟัง รับรู้ ได้มีโอกาส เช่นคนที่ตอนนี้ถูกโรคคุกคามจนงอม ในช่วงระยะเวลาเข้าห้องสวดมนต์ อาจจะรักษาสติ และสมาธิของตน ได้เป็นช่วงสั้นๆ แล้วก็ถูกความปวดความเจ็บ บดบัง ไม่สามารถรับรู้ ช่วงนั้นหลวงพ่อนิพนธ์เรียกว่า นาทีทอง เมื่อมีสติ สมาธิ สามารถรับฟังในสิ่งที่สอน แล้วเอาไปช่วยตนได้ ก็เรียกว่า ได้ช่วยเพื่อนมนุษย์

จึงเรียกความสงบนี้ว่า ธรรมสามัคคี ช่วยคนที่อ่อนด้อยกว่า หากแต่เมื่อเราท่าน ทำตัวเป็นเหตุ คุยกัน เล่นกัน รบกวนสมาธิ คนเหล่านั้น ทำให้เวลาที่มีอันน้อยนิด สมาธินั้นต้องเสียไป จึงพลาดโอกาสฟังคำสอนที่จะช่วยตนได้ ... หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า นั่นคือ การเจตตาฆ่าคนตาย จะแก้ตัวแก้ต่างสักฉันใด ก็ฟังไม่ขึ้น

ความสงบจึงเป็นเอกลักษณ์ของพระพุทธศาสนา ก่อให้เกิดพลังธรรมสามัคคี ช่วยเกื้อหนุนคนที่ด้อยกว่า แม้นจักมีคนพันคนหมื่น ต่อหน้าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ก็เสมือนไม่มีเลย เสียงที่ปรากฎ มีเพียงเสียงเดียว นั่นคือ เสียงธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

เจ้าหน้าที่มันดุฉิบหาย.. นั่นเพราะเขาไม่อยากให้คุณสร้างกรรม

ภาพชัดยิ่งกว่าชัด คนที่ไม่รักตน จักมารักเราได้ฉันใด คนที่บอกรักเรา เมื่อเราทำผิด กลับไม่ตักเตือน รั้งสติให้กลับมา แต่กลับส่งเสริม ร่วมกันทำผิดอีก ... ดังพ่อแม่ลูก นั่งคุยกันกระหนุงกระหนิง ... ทำให้น่าสงสัย คนเหล่านี้ ปากบอกรักกัน แต่พฤติกรรมไม่ใช่เลย ... นี่แหละหลักปราชญ์ มองคนทะลุเข้าไปถึงหัวใจเลย

เข้าห้องสวดมนต์ เป็นภาพที่เห็น แต่ความเป็นจริง คือ เราท่านกำลังเข้ากรรมฐานของพระพุทธเจ้า เพื่อช่วยตน มีบทเริ่มตั้งแต่เดินเข้า สิ้นสุดเมื่อเดินออก ผลที่ได้นั่นแหละเงินบุญ มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับว่าใครทำได้ ทำอย่างไร ทำแบบไหน

จึงเรียกหลัก ตนพี่งตน .. สมุนไพรหม้อเดียวกัน ผลที่ได้ทำไมต่างกัน ก็เพราะผลของสมุนไพร เกิดตามผลของการทำได้นั่นเอง

บทสรุปของหลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวเหมือนกล่าวเล่นว่า พื้นที่นี้ ไม่ใช่วัด ไม่ใช่โบสถ์ แต่ยิ่งกว่าวัดอีก แล้วแต่ใครจะมอง แล้วแต่ใครจะทำ .. ใครทำ ใครได้ ใครมองสูง ได้สูง มองต่ำ ได้ต่ำ ... เป็นอะไรก็ได้ แล้วแต่ใจจะนึก

สถานที่นี้มีวินัยธรรม เมื่อปฏิบัติย่อมฝืนกับนิสัยความอยากของตน ก่อให้เกิดทุกข์ แต่ทุกข์อันเกิดจากวินัยนี้ดีกว่าทุกข์จากโรค เป็นไหนๆ

คำแนะนำของหลวงพ่อนิพนธ์ จึงชัดและง่าย หากไม่ชอบในวินัยนี้ ก็ไปเถอะ ไปที่ไหนก็ได้ เพราะสถานที่นี้ไม่ตอบสนองนิสัยท่านแน่นอน เมื่อไม่ทำ จะทานสมุนไพรสักฉันใด มากสักปานไหน หนทางที่จะประสพผลก็ยาก และห่างไกลยิ่งนัก เรียกสั้นๆ ทานเสียของซะปล่าวๆ

วินัยธรรมพื้นฐานยังผ่านไม่ได้ ... แต่คู่ต่อสู้คือกรรม คือของจริง เกิดทุกข์แก่กายแล้ว ... บุญที่สร้างมีแต่ลม ไม่เป็นตน จะเอาอะไรไปสู้ ... ไหว้ขอพร อยากให้ตายก็ไม่มีทาง ... ไม่มีใครช่วยได้ เพราะตนของท่านไม่ช่วยตน ฝืนนิสัยกรรมไม่ได้เลย

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44