ข่าวเชื้ออีโบล่า แพร่ระบาด และยังไม่มีหนทางหยุดได้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่าพันราย ดูแล้วน่าตระหนก
หลวงพ่อนิพนธ์บอกนี่มันแค่เริ่มต้นมหากาพย์ของศาสนา หรือแค่โหมโรง ยังไม่ใช่ของจริง
คำพยากรณ์ของแม่ชีเมี้ยนที่ตรัสเตือนไว้ นั่นหมายถึงกลียุคที่จักพึงเกิด หรือยุคเข็ญที่มนุษย์ต้องเผชิญ แล้วหาผู้ใดแก้ไม่ได้ นั่นแลคือสภาวะที่กรรมเขาบีบเค้น ให้คนต้องไปหาศาสนา ไปหาพระพุทธเจ้า
สัญญาณที่บ่งบอก คือนิสัยที่เลวร้ายมากขึ้นทุกวันของมนุษย์ ก่อให้เกิดกรรมอันมหาศาล จนเสียสมดุลย์ หากแต่ปัญหาใดๆในโลก ก็ไม่สามารถโน้มน้าวให้มนุษย์ไปหาพระพุทธเจ้าได้ ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องของชีวิต
ความหมายของศาสนา ก็คือ เรื่องของชีวิต นอกนั้นไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยว ศาสน์มีไว้เพื่อแก้ปัญหาชีวิต หรืออีกนัยหนึ่ง คือ ทุกข์ สุข ของวิญญาณ
เมื่อมนุษย์จนปัญญา เพราะเป็นเรื่องของชีวิต พระพุทธเจ้าจึงมีความสำคัญยิ่ง คนจึงหันไปหา แล้วศึกษาเรียนรู้ นำมาปฏิบัติ เพื่อช่วยตน ไม่จำเป็นต้องนับถือศาสนาพุทธหรอก นี่จึงเรียกธรรมสายกลาง ไม่ใช่ตึงเกินไป หย่อนเกินไป ดังที่เขียนในตำรา
คำพยากรณ์จึงกล่าวว่า โลกจะร้อนขึ้น โรคร้ายที่เป็นเชื้อไวรัส ที่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในอุณหภูมิต่ำ ก็จะถูกกระตุ้นให้กลับมาได้อีกครั้ง
คุณลักษณะของโรคที่เรียกว่าจะมาทำลายล้างโลก หรือ มนุษย์ให้ล้มหายตายจาก จึงมีคุณลักษณะเป็นเชื้อที่ฝังตัวอยู่ในดิน และเมื่อได้อุณหภูมิที่สูงพอ ก็จะเติบโต พุ่งสู่อากาศ และสามารถแพร่เชื้อได้ทางอากาศ
อีโบล่า เป็นแค่เด็กๆ อันจักเห็นได้จาก เชื้อเหล่านี้ ต้องการอุณหภูมิในการเจริญเติบโตที่สูง ดังนั้น เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ผลก็คือ เกิดอาการไข้ขึ้นสูง เพื่อให้เหมาะแก่การเจริญเติบโตของมันนั่นเอง
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า แม่ชีเมี้ยนพยากรณ์ และเห็นในสิ่งนี้ จึงให้ตัวท่านมาปลุกปั่น ยุยง ให้พี่น้องคนไทย ได้ทานสมุนไพร หลีกเลี่ยงภัยพิบัติอันนี้
ด้วยสมุนไพรสูตรของพระภูมี จักมีคุณสมบัติที่สร้างอุณหภูมิธาตุไฟที่สูง ถึง หกสิบองศา เมื่อเราท่านทาน จึงเผ็ดร้อน วูบวาบ บางทีทานหลายขนานพร้อมกัน เรียกว่าร้อนจนนอนไม่ได้เลย
ทั้งนี้เพื่อให้ร่างกายคุ้นชิน กับอุณหภูมิที่สูงนั่นเอง เรียกว่าสร้างภูมิกันไข้ไว้ก่อน หนำซ้ำยังให้เข้ากระโจม ซ้ำอีก ดังนั้น ร่างกายเมื่อผ่านกระบวนการเหล่านี้ ก็จักมีภูมิทนความร้อนได้เป็นอย่างดี
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า เมื่อถึงวันนั้น วันที่คำพยากรณ์มาถึง แม้นเราท่านจะเดินเข้าไปในดงเชื้อเหล่านั้น เชื้อเหล่านั้น ก็ไม่สามารถทำอันตรายได้ เพราะอุณหภูมิที่เชื้อเหล่านั้นสร้าง อวัยวะต่างๆของร่างกายเราท่าน นั้นบอกว่ากระจอก เพราะเจออุณหภูมิธาตุจากสมุนไพร สูงกว่านี้อีก
ในขณะที่คนทั่วไป เจอเชื้อที่มีพิษไข้สูง ห้าสิบองศา ร่างกายก็ทนไม่ไหว ขนาดในยามปกติ อุณหภูิมไข้แค่ ๔๐ ก็นอนซมแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุให้คนเหล่านั้น ทนพิษไข้ไม่ไหว ตายเป็นใบไม้ร่วง
การทานสมุนไพร ไม่ใช่แค่หายโรค ไม่ใช่แค่เพื่อวันนี้
ถึงวันนั้น เราจะได้เจอพุทธดำรัส ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัส ว่า เป็นยุคของ "ผู้ดีเดินตรอก ขี้คลอกเดินถนน"
ซึ่งความหมายก็คือ ผู้ดีตีนแดงที่ ตะแคงตีนเดิน เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทานสมุนไพรเผ็ดหน่อย ก็บอกไม่ไหว นั่งสวดมนต์ก็บอกเมื่อย เข้ากระโจม ก็ไม่เอา เจอวินัยของพระพุทธเจ้าร้องยี้ อุปมาผู้ดี ที่ร้อนนิด ลำบากนิด ก็ไม่เอา ไม่ทน ไม่สู้ หากแต่ผู้ที่มีน้ำอดน้ำทน เหมือนเหล่าคนจน ที่มีลักษณะหนักเอาเบาสู้ ไม่ว่าจะเจอรสชาดของสมุนไพร ความร้อน ความเมื่อย ก็สู้ไม่ถอย หาใช่พูดถึงความรวยความจนไม่
คนที่มีพฤติกรรมเหมือนขึ้คลอก นี้แหละ จะสามารถเดินไปในดงเชื้อเหล่านั้นได้อย่างสบาย ส่วนคนที่มีพฤติกรรมแบบผู้ดี จะต้องหลบๆซ่อนๆ อยู่ในห้องปลอดเชื้อ อยู้ในเขตที่ตนคิดว่าปลอดภัย จะออกไปไหนมาไหนก็กลัว ไม่กล้าไป
สมุนไพรเขามีคุณอันมหาศาล เป็นน้ำมิตร มหามิตร กลับรังเกียจเวลาทาน ร้องยี้ ขมไป เผ็ดไป ... คนแบบนี้ หลวงพ่อนิพนธ์บอกว่า พฤติกรรมน่ารังเกียจ มิตรที่ไหนจะเข้าไปช่วย สมุนไพรเขามีวิญญาณรับรู้...
ไม่ต้องเป็นหมอดูหรอก คนไหนที่ว่าเก่ง ล้วนแต่กระจอกทั้งนั้น วิชาพระพุทธเจ้า มีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป เรียนแล้วเป็นปราชญ์ เก่งกว่าฝรั่ง ที่มีเครื่องมือทันสมัยเสียอีก รู้ล่วงหน้าอะไรจะพึงเกิด เพราะรู้เรื่องกรรม ที่คนเหล่านั้นไม่เคยรู้
แค่อีโบล่า เจอแค่ยาไพล ก็แทบเผ่นป่าราบแล้ว แต่นี่เป็นแค่บทเริ่ม ของจริงยังไม่มา ดังนั้น อย่าประมาท วันนี้เตรียมตัวได้ ก็ทานซะ ถึงวันนั้น เราท่านจะเป็นหนึ่งในผู้ที่สามารถเดินถนนได้อย่างสบายใจ