วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บทพิสูจน์ความเป็นปราชญ์

เมื่อครั้งถ้ำกระบอกเปิดการรักษายาเสพติด ย่อมเป็นธรรมดาที่มีคนรัก คนเกลียด

เป้าหมายของคนเกลียด ย่อมมีสิ่งเดียวนั่นคือ ทำอย่างไรจึงล้มถ้ำกระบอกได้

กลวิธีต่างๆ ได้ถูกนำมาใช้ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นเด่นชัด นั่นคือ กระบวนการทางกฎหมาย

จึงไม่แปลก วันหนึ่งในอดีต สาธารณสุขอำเภอ จึงแจ้งข้อหาแก่หลวงพ่่อนิพนธ์ว่า เปิดรับการรักษาโรคโดยไม่มีใบอนุญาต

แต่สาธารณสุขอำเภอ ก็ถูกหลวงพ่อนิพนธ์ตอบกลับไปว่า ให้ไปบอกสาธารณสุขจังหวัด เปิดข้อกฎหมายดูว่า กฎหมายที่ว่านั้น ควบคุมเฉพาะการรักษาโรคใช่หรือไม่ และมีบัญญัติข้อใด หรือ หลักฐานใด ที่กล่าวว่า ยาเสพติดเป็นโรค นั่นคือ ติดจากเชื้อชนิดใด แลหากไม่มีเชื้อโรคใดๆ ทำให้เกิด จะมากล่าวหาพระว่ารักษาโรคได้อย่างไร

ผลของการกระทำโดยภาครัฐในขณะนั้น ไม่เพียงไม่สำเร็จ คือ ปิดถ้ำกระบอกไม่ได้ ซ้ำยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากประชาชน จนในที่สุด กระทรวงสาธารณสุขจึงแก้ปัญหาด้วยการ แต่งตั้งถ้ำกระบอกให้เป็นศูนย์รักษายาเสพติด ออกใบอนุญาต และดำเนินการได้โดยไม่ผิดกฎหมาย

มาวันนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของการให้บริการ สาธารณสุข รวมทั้งแพทย์หลายท่าน ได้ทำการร้องเรียนเรื่องของมูลนิธิ แต่ก็ติดที่กรมแพทย์แผนไทย ออกใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์และเวชกรรมแพทย์แผนไทยให้แก่หลวงพ่อนิพนธ์แล้ว ทำให้ทำอะไรไม่ได้

ดังนั้น การย้อนอดีตถ้ำกระบอก เพื่อให้การดำเนินการของมูลนิธิไทยกรุณาหยุดลง จึงใช้มาตราการทางกฎหมายเช่นเดียวกัน นั่นคือ การไม่มีใบอนุญาตจัดตั้งเป็นสถานพยาบาล อันหมายถึงไม่สามารถรับคนไข้ให้มาพักฟื้นได้นั่นเอง

หากแต่ความนี้ ก็ไม่เหนือความคาดหมายของแม่ชีเมี้ยน ดังนั้น แม้นว่าสมุนไพรจะสามารถให้โอกาสคนในการฟื้นฟูตนได้ทุกโรค แต่ก็ชี้เป้าไปยังโรคมะเร็ง และโรคเอดส์ หากไม่นับยาเสพติด เพื่อเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน สู้กับสาธารณสุข หรือกฎหมาย ในยุคนี้

สาธารณสุขยุคนี้คงกระหยิ่มใจ เพราะหลวงพ่อนิพนธ์กำลังจะเปิดรับคนไข้ใน ในส่วนของโรคมะเร็ง อย่างเป็นทางการ

โอกาสปิดมูลนิธิมาถึงแล้ว ..... แต่คงไม่ง่ายอย่างนั้น

เพราะภูมิปัญญาของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนทรงชี้ทางให้ เป็นเครื่องมือต่อสู้ เรียกว่า เห็นไส้ในคู่ต่อสู้ ย่อมมีช่องทางให้หลวงพ่อนิพนธ์เดิน

ฝ่ายจ้องปิด อาศัยกฎหมาย การไม่มีใบจัดตั้งสถานพยายาล เพื่อรับผู้ป่วยมาพัก เป็นข้ออ้างหลักในการดำเนินการ และใช้ขู่ตลอดมา ว่าเตือนแล้ว หากผิดต้องจับกุม

ช่องโหว่ที่เปิดอ้า ที่แม่ชีเมี้ยนชี้ไว้แต่อดีตจึงถูกนำมาใช้ นั่นคือ ให้สาธารณสุขไปเอาหลักฐานมาว่า มะเร็งเกิดจากเชื้อโรคชนิดใด เป็นโรคแบบไหน .... เฉกเช่นเดียวกับอดีตในการรักษายาเสพติด

หนังเรื่องนี้แม้นยังไม่จบ หากแต่บทจบก็คงไม่ต่างจากถ้ำกระบอก เพราะความจริงที่ปรากฎ มะเร็งไม่ใช่โรค แต่เป็นเซลล์ที่มีอยู่แล้วในกายคน เกิดเป็นรอบวัฐจักรทุก ๖ ปี ไปจนสิ้นอายุขัย หากร่างกายแข็งแรง ก็สามารถกำจัดเซลล์นี้ออกไปได้เอง

ตอนนี้ก็รอการฟ้องร้องจากกฎหมาย เราท่านที่เป็นโรคมะเร็ง ก็เตรียมสู้เหมือนอดีตยาเสพติด นั่นคือ การเก็บประวัติ ความเป็นไปของตัวเอง จากอดีตที่ใช้แนวทางอื่นๆ ก่อนมายังมูลนิธิ และสภาพความเป็นไปตลอดช่วงระยะเวลาในการมาทานสมุนไพร จนปัจจุบัน

เมื่อการนี้หนีไม่พ้น ต้องโดนเขาเล่นงานแน่ หากเราท่านให้ความร่วมมือ เตรียมข้อมูลเตรียมเอกสารไว้สู้ การเปิดรับคนไข้มะเร็งก็ไม่ต้องกลัวสาธารณสุขและ กลุ่มคนที่ต้องการปิดสถานที่นี้แล้ว

แม่ชี่เมี้ยนไม่เพียงให้ตำราสมุนไพร ยังเห็นภัยในอนาคต และวางเกมต่อสู้ให้อีก ... ขอเพียงทำตามคำมั่นสัญญา ไม่ขายสมุนไพร ... อะไรก็หยุดไม่อยู่

หลวงพ่อนิพนธ์จึงสรุปให้ฟังว่า แม้นจะมีที่ยืน แต่ก็คงชวนคนมาไม่ได้มาก เพราะความเชื่อมันฝังลึก แต่อย่างน้อย ก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่เชื่อ ศรัทธาและทำตาม ได้สัมผัส ความไม่มีโรค ทำได้จริง ได้เห็นว่า กรรมมีจริง บุญก็มีจริง ... ศาสนาพุทธ และพระพุทธเจ้า มีตัวตน ไม่เลื่อนลอย ... คำสอนของท่่าน ใครทำ ใครได้

หากไม่แน่จริง ผู้หญิงตัวเล็กๆ คงไม่สามารถยืนหยัดสู้กับจอมพล และกฎหมาย เถรสมาคม ... แบบผ่านตลอดอย่างแน่นอน

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44